ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซอย่าง Amazon เดินหน้าพัฒนาการจัดส่งพัสดุด้วย “โดรน” เพื่อตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ล่าสุดได้รับใบอนุญาตจากสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐฯ (FAA) ให้เริ่มใช้โดรน Prime Air บินส่งสินค้าได้เป็นที่เรียบร้อย
Amazon ถือเป็นบริษัทเอกชน รายที่ 3 ในสหรัฐฯ ที่ได้รับการอนุญาตดังกล่าว ต่อจาก UPS และ Wing บริษัทลูกของ Alphabet โดยจะมีสิทธิพิเศษเพื่อ “ส่งสินค้าให้กับผู้ใช้บริการอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ” เเละสามารถใช้โดรนบรรทุกสิ่งของได้ แม้จะอยู่นอกระยะสายตาของผู้ปฏิบัติงาน
Amazon บอกว่า จากนี้จะเริ่มทดสอบการจัดส่งพัสดุให้ลูกค้า ซึ่งจะต้องผ่านการอบรมอย่างเข้มงวดเเละมีการส่งรายงานหลักฐานอย่างละเอียดถึงการดำเนินการจัดส่งด้วยโดรน รวมถึงในขั้นตอนการสาธิตเทคโนโลยีต่อเจ้าหน้าที่ FAA ด้วย
“การได้รับอนุญาตครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญของ Prime Air ซึ่งบริษัทจะเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีต่อไป เพื่อให้ได้บริการโดรนส่งสินค้าที่สมบูรณ์เเบบยิ่งขึ้น เเละครอบคลุมถึงลูกค้าทั่วโลกในอนาคต โดยพร้อมจะทำงานอย่างใกล้ชิดกับ FAA และหน่วยงานกำกับดูแลอื่นๆ เพื่อให้สำเร็จตามพันธกิจของเราที่จะส่งสินค้าให้ถึงลูกค้าภายใน 30 นาที” David Carbon รองประธานธุรกิจ Prime Air ของ Amazon ระบุในเเถลงการณ์
อย่างไรก็ตาม Amazon เปิดเผยว่า ตอนนี้ฝูงบิน Prime Air ยังไม่พร้อมที่จะนำมาให้บริการจัดส่งพัสดุขนาดต่างๆ ได้ในทันที เเต่ทางบริษัทกำลังเร่งทดสอบการบินเเละเทคโนโลยีกันอย่างเต็มที่ เพื่อให้สามารถนำมาใช้ได้อย่างเร็วที่สุด
สำหรับบริการ Prime Air เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะส่งสินค้าให้กับลูกค้าที่เป็นสมาชิก Prime ให้ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยปีที่ผ่านมา Amazon ได้ทุ่มเงินลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อลดระยะเวลาการจัดส่งสินค้าจากสองวันเป็นหนึ่งวัน
โดย Amazon เริ่มทดสอบโดรนส่งของมาตั้งเเต่ปี 2013 ตามเป้าหมายว่าจะจัดส่งพัสดุไปถึงบ้านของลูกค้าให้ได้ภายใน 30 นาที หรือน้อยกว่านั้น ซึ่งได้เปิดตัวโดรนรุ่นใหม่ในปี 2019 ที่สามารถขนพัสดุน้ำหนักน้อยกว่า 5 ปอนด์ ไปส่งของให้ลูกค้าได้ใน 30 นาที และสามารถบินได้ถึง 15 ไมล์
- อยู่บ้าน…กินไอศกรีม ยอดขาย Magnum และ Ben & Jerry’s ในสหรัฐฯ พุ่ง ขยายส่งเร็วผ่าน “โดรน”
- ญี่ปุ่น วางแผนสนับสนุนเงินทุนพัฒนา “โดรน” สู้จีนที่กำลังครองเจ้าตลาด
ที่มา : CNBC , japantoday