อ่านใจปู่ “วอร์เรน บัฟเฟตต์” ทำไมตะลุยซื้อหุ้น Top 5 บริษัทญี่ปุ่นรวดปีนี้?

กลายเป็นประเด็นที่ไม่ควรมองข้ามเมื่อ Berkshire Hathaway เทเงินเดิมพันสูงถึง 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.8 แสนล้านบาท ซื้อหุ้นในบริษัทเทรดดิ้ง Top 5 อันดับแรกของญี่ปุ่น นับเป็นการเพิ่มเดิมพันในเซกเตอร์สินค้าโภคภัณฑ์ (commodities) ครั้งใหญ่ที่สุดอีกครั้งของวอร์เรน บัฟเฟตต์ในแดนอาทิตย์อุทัยที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของเอเชีย

รายงานระบุว่า Berkshire เข้าซื้อหุ้นประมาณ 5% ใน Itochu Corp. , Marubeni Corp. , Mitsubishi Corp. , Mitsui & Co. และ Sumitomo Corp. ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา เบ็ดเสร็จแล้ว Berkshire Hathaway กล่าวในแถลงการณ์ว่าการลงทุนมีมูลค่ามากกว่า 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นมูลค่าหลังจากที่หุ้นของทั้ง 5 บริษัท ดีดตัวเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 5% ในการซื้อขายที่โตเกียวช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา

สำหรับปู่บัฟเฟตต์นั้นเพิ่งฉลองวันเกิดครบรอบ 90 ปีเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม พร้อมกับที่ Berkshire ถูกจัดให้เป็นกลุ่มบริษัทที่มีมูลค่ามากกว่า 5.21 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยพอร์ตการลงทุนของ Berkshire มีมูลค่ารวม 2.07 แสนล้านดอลลาร์

แม้วันนี้ปู่บัฟเฟตต์ยังระมัดระวังกับการลงทุนนับตั้งแต่ COVID-19 ส่งแรงกระเพื่อมไปทั่วเศรษฐกิจโลก แต่ Berkshire ได้เพิ่มการลงทุนในอุตสาหกรรมสินค้าโภคภัณฑ์ผ่านดีลมูลค่ามหาศาล เช่น ดีล 4,000 ล้านดอลลาร์เพื่อซื้อท่อส่งก๊าซธรรมชาติและสินทรัพย์อื่นของบริษัท Dominion Energy Inc. ในเดือนกรกฎาคม เป็นสัญญาณบอกใบ้แนวโน้มตลาดโอกาสทองในช่วงครึ่งหลังปีนี้

commodities มาแรง

สินค้าโภคภัณฑ์หรือ commodities หมายถึงสินค้าที่มีมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก ไม่ว่าใครจะเป็นผู้ผลิตก็ตาม ที่ผ่านมา มูลค่าอุตสาหกรรม commodities ส่งผลต่อตลาดหุ้นวงกว้างขึ้นในช่วงไม่กี่ปีนี้ ปัจจัยหลักเกิดจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ลดลง และการเปลี่ยนแนวของนักลงทุนบางส่วนที่ไปหาหุ้นเทคโนโลยีที่ร้อนแรงขึ้นในช่วงการระบาดใหญ่

สำหรับบริษัทญี่ปุ่นส่วนใหญ่ที่ Berkshire มองว่าจะมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมพลังงานและวัตถุดิบของประเทศ ล้วนมีการซื้อขายในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูง เบื้องต้นนักวิเคราะห์เชื่อว่าบริษัทเหล่านี้สร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง สามารถจ่ายเงินปันผลสูง และมีธุรกิจที่ไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ง่าย

นอกจากตัวเลขทางบัญชีที่เชื่อถือได้ บัฟเฟตต์ยังลงทุนในบริษัทญี่ปุ่นเพราะความสามารถในการเปลี่ยนข้อจำกัดของประเทศ ที่เคยขาดแคลนทรัพยากรทุกอย่างตั้งแต่ก๊าซธรรมชาติไปจนถึงอาหารอย่างญี่ปุ่น ให้สามารถดำเนินธุรกิจจนเป็นเลิศในด้านต่างๆ ทั้งสิ่งทอ เครื่องจักร พลังงาน โลหะ และสินค้าอื่น ทั้งหมดนี้ทำให้ Berkshire ยอมรับว่ามีแผนที่จะถือการลงทุนที่ญี่ปุ่นในระยะยาว และจะขยายสัดส่วนถือหุ้นจนสุดขอบ 9.9% เว้นแต่จะได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการบริหารของบริษัทผู้ลงทุนให้ถือเพิ่มได้

Mitsui หนึ่งใน Top 5 แดนปลาดิบถ่อมตัวว่าไม่ทราบถึงเหตุผลเบื้องหลังการลงทุนของ Berkshire ขณะที่ Sumitomo กล่าวว่าจะประสานงานกับ Berkshire ในฐานะผู้ถือหุ้นอย่างแนบแน่น ในขณะที่ Marubeni ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็น โดยบริษัท Itochu และ Mitsubishi ไม่สามารถให้ความเห็นได้ในขณะนี้

บัฟเฟตต์ดีใจ ร่วมพัฒนาญี่ปุ่นยุคใหม่

คุณปู่บัฟเฟตต์กล่าวในแถลงการณ์ว่ารู้สึกยินดีที่ Berkshire Hathaway มีส่วนร่วมในอนาคตของญี่ปุ่น และบริษัททั้ง 5 แห่งที่ได้เลือกลงทุนไป โดยย้ำว่าบริษัท Top 5 ของญี่ปุ่นล้วนมีการร่วมทุนมากมายทั่วโลก และมีแนวโน้มที่จะขยายตัวมากขึ้นอีก จึงหวังว่าในอนาคต ทุกฝ่ายจะมีโอกาสได้รับประโยชน์ร่วมกัน

การกลับไปลงทุนในญี่ปุ่นครั้งนี้ถูกเชื่อมกับการที่บัฟเฟตต์เคยไปเยือนญี่ปุ่นหลังจากเหตุการณ์สึนามิและภัยพิบัตินิวเคลียร์เมื่อปี 2554 ซึ่งบัฟเฟตต์ยังสงวนท่าทีกับการลงทุนรอบใหญ่จนถึงขณะนี้

(Photo by Tomohiro Ohsumi/Getty Images)

การลงทุนรอบนี้ของบัฟเฟตต์สามารถเพิ่ม sentiment ให้ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์และเศรษฐกิจญี่ปุ่นคึกคักแบบแพ็กคู่ กรณีญี่ปุ่นนั้นเห็นได้ชัดเพราะนอกจากต้องต่อสู้กับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา แต่ยังมีความเสียหายจากการเลื่อนการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่โตเกียว รวมถึงการเปลี่ยนแปลงผู้นำหลังจากนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะประกาศลาออกด้วยเหตุผลด้านสุขภาพ ปรากฏว่าการตัดสินใจของบัฟเฟตต์ทำให้ดัชนี Topix ของญี่ปุ่นบวกขึ้น 1.9% หลังจากที่ตกต่ำเพราะนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นญี่ปุ่นสุทธิ 43,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ เป็นสถิติสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 61

การลงทุนของบัฟเฟตต์ยังเป็นแรงผลักดันที่โดดเด่นในระดับโลก โดย Berkshire Hathaway ของเขาถือหุ้นในบริษัทใหญ่หลายแห่งของสหรัฐฯ มายาวนาน ทั้ง Apple Inc. และ Coca-Cola Co. รวมถึงหลายธนาคาร บริษัทประกัน บริษัทค้าปลีก และอุตสาหกรรมใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งปู่บัฟเฟตต์เคยกล่าวในปี 60 ว่ายังมีอีกหลายประเทศที่ยินดีจะเข้าไปลงทุน หลังจากที่ได้เริ่มแตะธุรกิจพลังงานของจีนอย่าง BYD Co. บริษัทชำระเงินของบราซิล StoneCo Ltd. ไปแล้ว

ทั้งหมดนี้ถือเป็นก้าวใหม่ที่ต้องติดตาม ก่อนหน้านี้ Berkshire เป็นข่าวดังเพราะการตัดสินใจขายหุ้นในสายการบินหลัก 4 แห่งของสหรัฐฯ ในปี 63 หลังจากเพิ่งซื้อไปในปี 2559 เนื่องจากการระบาดใหญ่ทำให้การเดินทางทางอากาศทั่วโลกหยุดชะงัก เดิมพันนี้จึงยังต้องจับตาใกล้ชิด ทั้งเหล่านักลงทุนและตัววอร์เรน บัฟเฟตต์เอง.


ที่มา :