ยอดผู้ติดเชื้อ COVID-19 ในอินเดียในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมายังเพิ่มขึ้นเฉียดแสน คาดอีกไม่กี่สัปดาห์อาจแซงอเมริกาเป็นประเทศที่มีการระบาดรุนแรงที่สุด ตรงข้ามกับออสเตรเลียที่จำนวนเคสใหม่ลดลงต่อเนื่อง
กระทรวงสาธารณสุขอินเดียรายงานในวันอาทิตย์ที่ 20 ก.ย. ว่ามีผู้เสียชีวิตจาก COVID-19 ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา 1,133 คน รวมเป็น 86,752 คน ส่วนจำนวนเคสใหม่เพิ่มขึ้น 92,605 คน เป็นกว่า 5.4 ล้านคน
อย่างไรก็ตาม มหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกินส์ของอเมริการะบุว่า อินเดียเป็นประเทศที่มีสถิติผู้ป่วยที่รักษาหายสูงสุดในโลกด้วยอัตราราว 80%
ผู้ป่วยที่ยังรักษาตัวกว่า 60% ในอินเดียกระจุกอยู่ใน 5 รัฐ จาก 28 รัฐ ได้แก่ มหาราชตะ กรณาฏะกะ อานธรประเทศ ทมิฬนาฑู และอุตรประเทศ
รัฐบาลของนายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดิ กำลังถูกวิจารณ์อย่างหนักเกี่ยวกับการจัดการโรคระบาดท่ามกลางปัญหาเศรษฐกิจติดลบ และคนว่างงานเป็นล้าน
ด้านออสเตรเลียสถานการณ์เริ่มดีขึ้นทั้งในส่วนโรคระบาด และเศรษฐกิจ โดยในวันอาทิตย์มีการรายงานว่า จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ในเมืองเมลเบิร์น เมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศและเป็นศูนย์กลางการระบาดล่าสุด ลดลงต่ำกว่า 30 คนเป็นวันที่ 2 จาก 21 คนในวันเสาร์ที่ 19 ก.ย. ซึ่งเป็นสถิติรายวันต่ำที่สุดนับจากวันที่ 19 มิถุนายน และมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 5 คน
ตามกำหนดนั้น จะมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เมลเบิร์นในช่วงสุดสัปดาห์หน้า โดยจะอนุญาตให้ศูนย์รับเลี้ยงเด็กเปิดให้บริการอีกครั้ง รวมทั้งอนุญาตให้มีคนจากสองครอบครัวร่วมทำกิจกรรมกันได้ไม่เกิน 5 คน ทั้งนี้ หากจำนวนเคสใหม่เฉลี่ยภายใน 14 วันลดลงต่ำกว่า 50 คน ซึ่งจากตัวเลขที่ลดลงในช่วงสุดสัปดาห์นี้ทำให้อัตราเฉลี่ยล่าสุดอยู่ที่ 36.2 คน
เจนนี มิคาคอส รัฐมนตรีสาธารณสุขรัฐวิกตอเรีย ชมเชยประชาชนที่ปฏิบัติตามกฎการล็อกดาวน์อย่างเคร่งครัด
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี สก็อตต์ มอร์ริสัน เผยว่า อัตราว่างงานล่าสุดอยู่ที่ 9.3% ลดลงจากช่วงที่ไวรัสโคโรนาระบาดรุนแรงที่สุดถึง 14% โดยเมื่อเร็วๆ นี้ชาวออสเตรเลียราว 400,000 คนกลับเข้าทำงานอีกครั้ง