เมื่อวันที่ 29 กันยายนที่ผ่านมา ‘โนเกีย’ (Nokia) บริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ของโลก ได้ลงนามข้อตกลงในการวางอุปกรณ์ 5G กับ BT ซึ่งเป็นกลุ่มโทรคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดในสหราชอาณาจักร ขณะที่ความร่วมมือดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่สหราชอาณาจักรได้ประกาศแบนอุปกรณ์ ‘หัวเว่ย’ (Huawei) จากเครือข่าย 5G ไปเมื่อเดือนกรกฎาคม ซึ่งดีลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า Nokia กำลังแทนที่ส่วนแบ่งโครงสร้างพื้นฐานที่เหลือของ Huawei ในเครือข่าย 5G ของ BT
ย้อนไปเมื่อเดือนมกราคม ‘สหราชอาณาจักร’ ได้อนุมัติให้ ‘หัวเว่ย’ เข้ามาวางเครือข่าย 5G โดยจำกัดการมีส่วนร่วมที่ 35% ของโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมด แต่ในเดือนกรกฎาคม รัฐบาลก็กลับลำสั่งห้ามบริษัทผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือในประเทศซื้ออุปกรณ์เครือข่าย 5G จากหัวเว่ยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมปี 2021
นอกจากนี้ ยังสั่งให้บริษัทเหล่านี้ถอดอุปกรณ์ 5G ของหัวเว่ยที่ติดตั้งไปแล้วทั้งหมดออกจากเครือข่ายภายในปี 2027 ด้วยสาเหตุที่หลายคนคงเดาออกก็คือ ‘ความปลอดภัยของข้อมูล’ แม้ว่าจะทำให้การเริ่มใช้ระบบการสื่อสาร 5G ของประเทศต้องล่าช้าออกไปอีก 1 ปี อีกทั้งจะส่งผลให้เกิด ‘ความล่าช้าสะสม’ นานถึง 3 ปีซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายเป็นมูลค่า 2 พันล้านปอนด์ หรือราว 8 หมื่นล้านบาทก็ตาม
Philip Jansen ซีอีโอของ BT Group กล่าวในแถลงการณ์ว่า ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว โนเกียจะจัดหาอุปกรณ์และบริการ 5G ที่ไซต์คลื่นวิทยุ 11,600 BT ทั่วสหราชอาณาจักร โดย BT จะใช้อุปกรณ์ AirScale Single Ran (S-RAN) ของโนเกียเพื่อให้บริการครอบคลุมทั้งในร่มและกลางแจ้งแก่ลูกค้า อุปกรณ์ดังกล่าวประกอบด้วยสถานีฐานและผลิตภัณฑ์โครงข่ายการเข้าถึงผ่านการรับส่งทางคลื่นวิทยุ
“ในตลาดที่มีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและมีการแข่งขันสูงเราจึงต้องตัดสินใจเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสม”
ปัจจุบัน โนเกียมีส่วนขับเคลื่อนเครือข่ายของ BT ในลอนดอนมิดแลนด์ของอังกฤษและพื้นที่ชนบทบางแห่ง แต่ตอนนี้โนเกียพร้อมที่จะขยาย footprint เพราะผลจากข้อตกลงดังกล่าวส่งผลให้โนเกียการกลายเป็นพันธมิตรโครงสร้างพื้นฐานที่ใหญ่ที่สุดของ BT โดยคาดว่าจะมีสัดส่วน 63% ของเครือข่ายทั้งหมดของ BT อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการเปิดเผยเงื่อนไขทางการเงินของข้อตกลงดังกล่าว
Pekka Lundmark ประธานและซีอีโอของ Nokia กล่าวในแถลงการณ์ว่า “เราภูมิใจที่ได้สนับสนุนวิวัฒนาการเครือข่าย 5G ของ BT และหวังว่าจะได้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้นในอีกหลายปีข้างหน้า”
ด้านโฆษกของหัวเว่ย กล่าวว่า “เรายอมรับการแข่งขันที่เป็นธรรม เนื่องจากนำเสนอนวัตกรรมสำหรับผู้บริโภคและยิ่งซัพพลายเชนมีความหลากหลายมากเท่าไหร่ก็ยิ่งแข่งขันได้มากขึ้นเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เครือข่ายในสหราชอาณาจักรต้องพึ่งพาผู้ขายสำหรับ 5G เพียง 2 ราย ทำให้การเปิดตัว 5G ล่าช้าและทำลายความหลากหลายของอุปทานซึ่งจำเป็นต่อความปลอดภัยของเครือข่าย”