เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ‘ฝรั่งเศส’ ได้รายงานถึงตัวเลขผู้ติดเชื้อ COVID-19 รายใหม่เกือบ 17,000 ราย และในวันอาทิตย์กลับมีผู้ป่วยเพิ่มอีก 12,565 ราย ส่งผลให้จำนวนผู้ป่วยทั้งหมดในฝรั่งเศสอยู่ที่ 629,509 ราย ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อที่พุ่งสูงในช่วงไม่กี่วัน ส่งผลให้รัฐบาลฝรั่งเศสได้เพิ่มคำเตือนการระบาดของไวรัส COVID-19 เป็นระดับสูงสุดใน ‘ปารีส’ และปริมณฑลโดยรอบ
สำนักนายกรัฐมนตรี ฌอง กัสเต็กซ์ ประกาศว่า สาเหตุที่ประกาศการแจ้งเตือนสูงสุดเป็นเพราะอัตราการเกิดโรค COVID-19 เกินค่าเฉลี่ยของประชากรที่มีผู้ติดเชื้อ 250 คนต่อ 100,000 คน อีกทั้ง ผู้ติดเชื้อที่มีอายุมากกว่า 65 ปีสูงกว่า 100 ต่อ 100,000 คน ขณะที่กว่า 30% ของเตียงคนไข้ตามโรงพยาบาลทุกแห่งในกรุงปารีส และพื้นที่ใกล้เคียง เต็มไปด้วยผู้ป่วยโรค COVID-19
ทั้งนี้ ผับ, บาร์ในเมืองหลวงของฝรั่งเศสจะถูกปิดเป็นเวลา 15 วัน โดยจะเริ่มตั้งแต่วันอังคารเป็นต้นไป ส่วนร้านอาหารยังสามารถเปิดให้บริการได้ตามปกติ แต่เปิดได้ถึง 22.00 น. เท่านั้น ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้ออกมาขอความร่วมมือกับประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวว่าให้ทำงานที่บ้านแทน
นายเจอรัลด์ ดาร์มานิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า การปิดบาร์และคาเฟ่ถือเป็นเรื่องที่ ‘ยาก’ สำหรับประชาชนชาวฝรั่งเศส “เราเป็นคนฝรั่งเศสเราชอบดื่มกิน และจูบกัน แต่เราก็ทำ”