ใครๆ ก็หันมาจับตลาดร้านสตรีทฟู้ด พร้อมกับเดินกลยุทธ์ขายแฟรนไชส์ เพื่อเป็นการติดสปีดให้กับธุรกิจ ล่าสุด CRG ได้พร้อมเปิดขายแฟรนไชส์แบรนด์ “อร่อยดี” หลังจากปลุกปั้นมาได้ 2 ปี ตั้งเป้า 300 สาขาภายใน 5 ปี
สตรีทฟู้ดเนื้อหอม ใครๆ ก็อยากจับจอง
ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าธุรกิจร้านอาหารในปี 2563 จะมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 3.85-3.89 แสนล้านบาท หรือหดตัวประมาณ 9.7-10.6% จากปี 2562 จากพิษของวิกฤตไวรัส COVID-19 ที่ทำให้ธุรกิจร้านอาหารต้องปิดตัวชั่วคราว รวมถึงไม่สามารถให้บริการภายในร้านได้ % รวมถึงปัจจัยจากนักท่องเที่ยวหดตัวด้วย ทำให้การบริโภคลดลง
โดยที่จากตลาดรวม เป็นตลาดของร้านอาหารเชนใหญ่ๆ ในสัดส่วน 25% มีการคาดว่าตลาด “สตรีทฟู้ด” หรือร้านอาหารตามสั่ง ร้านเล็กๆ มีสัดส่วนถึง 50% ตลาด กลายเป็นอีกหนึ่งเซ็กเมนต์เนื้อหอมที่น่าจับตามอง
เพราะตอนนี้เชนร้านร้านอาหารรายใหญ่ต่างลงมาจับตลาดนี้กันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นผู้บุกเบิกตลาดอย่าง “เขียง” จากค่าย “เซ็น คอร์เปอชั่น” ตามมาด้วย “อร่อยดี” จากค่าย CRG และล่าสุดกับ “ตะหลิว” จากค่าย CPF ภายใต้แบรนด์ลูกของเชสเตอร์
ความเนื้อหอมของสตรีทฟู้ดคงไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจอะไร เพราะด้วยพฤติกรรมคนไทยเองคุ้นเคยกับการทานร้านอาหารตามสั่ง หลายคนอาจจะมีร้านโปรดอยู่แถวๆ บ้าน เป็นร้านเล็กๆ ร้านคุณลุง คุณป้า แต่แบรนด์สตรีทฟู้ดเหล่านี้ได้พัฒนาเป็นร้านอาหารตามสั่งให้เข้าไปอยู่ในทุกจุดที่มีทราฟฟิก
ไม่ว่าจะเป็นศูนย์การค้า ชุมชน ปั๊มน้ำมัน อาคารสำนักงาน ฟู้ดคอร์ท พร้อมกับมาตรฐานของร้านอาหารแบรนด์ใหญ่ ในราคาที่ย่อมเยา ซึ่งทำให้คนไทยให้การตอบรับอย่างดี และมีทิศทางการเติบโตที่สูงขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับมีการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง
ขายแฟรนไชส์ช้า แต่เอาชัวร์
กลุ่ม CRG ได้เปิดแบรนด์ “อร่อยดี” ได้ร่วมๆ 2 ปี แล้ว เป็นเวลาไล่เรี่ยกับแบรนด์เขียง ปัจจุบันมีทั้งหมด 20 สาขา ตลอดเวลา 2 ปีที่ผ่านมาทาง CRG เป็นผู้ลงทุนเองทั้งหมด ยังไม่ได้เริ่มขายแฟรนไชส์ เพราะต้องการวางระบบให้ดีก่อน
ล่าสุด CRG ได้ประกาศความพร้อมในการขายแฟรนไชส์อร่อยดีเต็มตัว มีการวางงบการลงทุนของแฟรนไชส์อยู่ที่ 1.3 ล้านบาท ค่าธรรมเนียมแรกเข้า 400,000 บาท มีค่า Royalty Fee 4% และ Marketing Fee 1% ของยอดขาย คาดว่าสามารถคืนทุนภายใน 2 ปี มีรายได้เฉลี่ย 500,000-550,000 บาท/เดือน/สาขา โดยมีต้นทุน 38-40% และกำไร 17%
ณัฐ วงศ์พานิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด หรือ CRG
“แบรนด์อร่อยดีได้เปิดมา 2 ปีแล้ว ตั้งแต่เดือนธันวา 2561 เริ่มจากขายใกล้ๆ ออฟฟิศก่อนแล้วก็ขยายสาขาเรื่อยๆ จุดเด่นของร้านอาหารสตรีทฟู้ดคือ สะดวก ทานได้ทุกวัน ราคาไม่แพง สตรีทฟู้ดเป็นเมนูยอดนิยม ทานง่าย เครื่องปรุงไม่เยอะ เดลิเวอรี่ง่าย พอเริ่มทำได้สักพักก็เริ่มได้ Know how ต่างๆ มีคลาวด์ คิทเช่น มีช่องทางใหม่ๆ”
CRG ประกอบธุรกิจอาหาร แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ QSR & Western Cuisine, Thai & Chinese Cuisine, Japanese Cuisine และ Bakery & Beverage Cuisine ซึ่งอร่อยดีอยู่ในกลุ่ม Thai Cuisine และด้วยภาพรวมของตลาดเดลิเวอรี่ และอาหารสตรีทฟู้ดที่เติบโตเพิ่มมากขึ้น การเปิด Cloud Kitchen และ การขายแฟรนไชส์ จึงเป็น Business Model ที่ตอบโจทย์ และสามารถสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจได้ ด้วยการลงทุนที่ต่ำ ไม่ต้องใช้เงินทุนก้อนใหญ่ จึงสามารถสร้างผลกำไรเพิ่มขึ้น
ถ้าถามว่าเป็นการบุกการขยายแฟรนไชส์ช้าไปหรือไม่ ในขณะที่คู่แข่งนำหน้าไปในระดับร้อยสาขาแล้ว ทาง “ธนพล ธรรพสิทธิ์” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด หรือ CRG บอกว่า
“เราช้า แต่เราเอาชัวร์ เพราะต้องการมี Role Model ที่ชัดเจน ต้องการเห็นสาขาที่ประสบความสำเร็จ มีกำไร ก่อนที่จะวางระบบเพื่อขายแฟรนไชส์”
ธนพลเสริมอีกว่า ในแบรนด์อร่อยดี นอกจากจะมีเมนูของตัวเองแล้ว ยังมีแบรนด์สตรีทฟู้ดอื่นๆ ที่เป็นพาร์ตเนอร์ เท่ากับว่าซื้อแฟรนไชส์ยังได้แบรนด์อื่นๆ ด้วย ได้แก่ เจ๊เกียง โจ๊กกองปราบ, โตกียว โบวล์ และ เจ๊เกียงหมูทอด ข้าวเหนียวนุ่ม เป็นต้น
5 ปี ต้องมี 300 สาขา
ปัจจุบันอร่อยดีมีทั้งหมด 20 สาขา โดย 17 สาขาเป็นโมเดลแบบร้านมีที่นั่ง และ 3 สาขาเป็นคลาวด์ คิทเช่น หลังจากเปิดขายแฟรนไชส์แล้ว คาดว่าปีนี้จะมีโมเดลแฟรนไชส์ 10 สาขา
มองว่าภายใน 5 ปีจะมีสาขารวมทั้งหมด 300 สาขา แบ่งเป็นแฟรนไชส์ 70% และสาขาที่ CRG ลงทุนเอง 30% เหตุผลที่ยังมีสาขาที่ลงทุนเองอยู่ เพราะต้องการทำการตลาด เพื่อให้แฟรนไชส์ได้รับอานิสงส์ด้วย
ในการขยายสาขาจะเน้นโลเคชั่น Non-Mall ตามไฮเปอร์มาร์เก็ต ร้านวัสดุก่อสร้าง ปั๊มน้ำมัน พื้นที่ชุมชน ทำเป็นโมเดลร้านสะดวกทาน ซึ่งจะได้จุดแข็งจากธุรกิจในเครือของกลุ่มเซ็นทรัลที่จะสามารถขยายสาขาได้ เช่น ร้านไทวัสดุ เป็นต้น พื้นที่จะมีตั้งแต่ขนาด 50-60-70 ตารางเมตร
ปัจจุบันสาขาที่ขายดีที่สุดได้แก่ ไทวัสดุบางนา, รามอินทรา และสายไหม มียอดขายเฉลี่ย 750,000 บาท/เดือน ลูกค้าส่วนใหญ่มียอดการใช้จ่ายเฉลี่ย 150 บาท/บิล
ต้องจับตาดูตลาดสตรีทฟู้ดที่ตอนนี้กำลังหอมหวาน จะมีเชนร้านอาหารรายไหนลงมาเล่นอีก ซึ่งยังมีโอกาสในตลาดอยู่อีกมาก เพียงแต่จะทำให้แตกต่างจากตลาดอย่างไร