จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) ประกาศว่าจะระงับการทดลองทางคลินิกวัคซีน COVID-19 ของทางบริษัท อย่างน้อยๆ ก็หลายวัน เพื่อเปิดทางให้คณะควบคุมความปลอดภัยอิสระ เข้าประเมินอาการป่วยที่ไม่สามารถอธิบายได้ของอาสาสมัครผู้เข้าร่วมทดลองรายหนึ่ง
หุ้นของ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ร่วงลงมากกว่า 2% หลังมีข่าวหยุดการทดลอง และทบทวนด้านความปลอดภัย หลังจากก่อนหน้านี้การทดลองว่าที่วัคซีนของคู่แข่งสำคัญอย่าง แอสตราเซเนกา พีแอลซี ซึ่งใช้เทคโนโลยีคล้ายกัน ก็ถูกระงับมานานกว่า 1 เดือน หลังพบผู้อาสาสมัครรายหนึ่งในสหราชอาณาจักร ล้มป่วยอย่างไม่ทราบสาเหตุ
จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันเปิดเผยในวันจันทร์ที่ 12 ต.ค. ว่าอาการป่วยกำลังได้รับการตรวจสอบทบทวนจากคณะกรรมการเฝ้าระวังข้อมูลและความปลอดภัยอิสระ เช่นเดียวกับคณะทำงานด้านคลินิก และความปลอดภัยของพวกเขาเอง
คณะกรรมการเฝ้าระวังข้อมูล และความปลอดภัยอิสระ กำลังตรวจสอบทบทวนการทดลองของแอสตราเซเนกาเช่นกัน จำเป็นต้องยื่นผลการตรวจสอบของพวกเขาต่อองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) ก่อนที่จะสามารถกลับมาเดินหน้าทดลองอีกครั้ง
มาไท มัมเมน หัวหน้าฝ่ายวิจัยและพัฒนาธุรกิจยาของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เปิดผยว่าทางบริษัทได้แจ้งคณะกรรมการความปลอดภัย เกี่ยวกับกรณีผู้เข้าร่วมทดลองล้มป่วยเมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 ต.ค. และทางคณะกรรมการร้องขอข้อมูลเพิ่มเติม พร้อมบอกว่าทางบริษัทกำลังรวบรวมขอมูลเพื่อตอบคำถามต่างๆ ของทางคณะกรรมการ
เขาบอกว่าสืบเนื่องว่ามันเป็นการทดลองแบบอำพราง ทางบริษัทจึงไม่ทราบว่าอาสมัครที่ล้มป่วยนั้นได้รับวัคซีนจริง หรือยาหลอก และเผยว่าทางจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ยังอยู่บนเส้นทางของการเกณฑ์อาสาสมัครเข้าร่วมการทดลองให้ครบ 60,000 คนในช่วง 2 หรือ 3 เดือนข้างหน้า
จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน บอกว่าปัญหาหยุดชะงักถือเป็นเรื่องปกติของการทดลองกลุ่มใหญ่ และเน้นว่าการสมัครใจหยุดการฉีดว่าที่วัคซีนให้แก่บรรดาผู้เข้าร่วมการทดลอง นั้นต่างจากการถูกระงับตามกฎข้อบังคับที่กำหนดโดยบรรดาเจ้าหน้าที่สาธารณสุข
ก่อนหน้านี้ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน คาดหมายว่าจะมีข้อมูลเพียงพอสำหรับขอใบอนุญาตจากคณะผู้ควบคุมกฎระเบียบสหรัฐฯ ในช่วงสิ้นปี ในขณะที่ ไฟเซอร์ อิงค์ และ โมเดอร์นา อิงค์ 2 บริษัทที่กำลังวิจัยพัฒนาวัคซีนเช่นกัน คาดหมายว่าจะสามารถขอใบอนุญาตจากองค์การอาหาร และยาสหรัฐฯ สำหรับว่าที่วัคซีนของพวกเขา เร็วกว่านั้น
พวกผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข ส่งเสียงแสดงความกังวลว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจสร้างแรงกดดันแก่องค์การอาหารและยาสหรัฐฯ และบรรดาผู้ผลิตยา ให้เร่งรีบป้อนวัคซีนที่ไม่มีความปลอดภัยเข้าสู่ตลาด เพื่อเพิ่มโอกาสได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้งของเขา หลังจากเขาพูดย้ำมาตลอดว่าจะมีวัคซีนตัวใดตัวหนึ่งที่สามารถใช้การได้ก่อนศึกเลือกตั้งวันที่ 3 พฤศจิกายน
เมื่อเดือนที่แล้ว แอสตราเซเนกา ได้ระงับการทดลองขั้นสุดท้ายของวัคซีนทดลอง COVID-19 ที่พวกเขาร่วมพัฒนากับมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด สืบเนื่องจากพบอาการป่วยรุนแรงไม่ทราบสาเหตุในอาสาสมัครรายหนึ่งในอังกฤษ แม้นับตั้งแต่นั้นว่าที่วัคซีนของ แอสตราเซเนกา ได้กลับสู่การทดลองแล้วในอังกฤษ, บราซิล, แอฟริกาใต้ และอินเดีย แต่ในสหรัฐฯยังคงระงับการทดลอง
วัคซีนของทั้งจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และแอสตราเซเนกา ต่างใช้ไวรัสอะดีโน (adenovirus) เป็นตัวนำพาคำสั่งทางพันธุกรรมเข้าสู่เซลล์ของมนุษย์ เพื่อกระตุ้นการตอบสนองของภูมิคุ้มกันตอบโต้ไวรัสเป้าหมาย ซึ่งในกรณีนี้ก็คือไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
ทั้งสองยังเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Operation Warp Speed ของรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาวัคซีน โดยเมื่อวันที่ 22 กันยายน วัคซีนของ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เป็นวัคซีนที่ 4 ของโครงการนี้ ที่เข้าสู่ขั้นสุดท้ายของการทดลองในมนุษย์ “มันเป็นเคสที่ 2 ของวัคซีนอะดีโนไวรัสที่กระตุ้นความกังวลด้านความปลอดภัย” จากความเห็นของนักวิเคราะห์รายหนึ่ง
ในส่วนวัคซีนของไฟเซอร์และโมเดอร์นา ใช้เทคโนโลยีที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
แอสตราเซเนกา และพวกผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์บอกว่า การระงับการทดลองเพื่อตรวจสอบหาสาเหตุของอาการป่วยของอาสาสมัครถือเป็นเรื่องปกติ