5 เทรนด์ฮอตจากโนเกีย

สิงคโปร์ และงานคอมมูนิเคเซีย ยังคงถูกเลือกให้เป็นสถานที่อัพเดตเทรนด์ของโนเกีย ในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ โดยการจัดงาน Nokia Connection 2010 เชิญสื่อมวลชน คู่ค้า และนักวิเคราะห์กว่า 150 ชีวิต จากหลายประเทศในภูมิภาคนี้ มาอัพเดตกับ 5 เทรนด์ที่จะเป็นไฮไลต์ของโนเกียในปีนี้

Ovi Maps พระเอกปีนี้

เริ่มต้นด้วยการนำเสนอ คริส คาร์ รองประธานฝ่ายขายประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกตะวันออกเฉียงใต้ ได้ให้ข้อมูลว่าปัจจุบันมีจำนวนผู้ใช้ Ovi ถึง 90 ล้านรายทั่วโลก มีผู้โดาวน์โหลด Ovi Maps ไม่ต่ำกว่า 10 ล้านครั้งนับตั้งแต่โนเกียประกาศให้บริการแผนที่ฟรี โดยเฉพาะภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งไทยติดอันดับหนึ่งของประเทศที่มีการดาวน์โหลด Ovi Maps สูงสุด นี่จึงเป็นเหตุผลให้โนเกียชู Ovi Maps เป็นพระเอกสำหรับการทำตลาดในภูมิภาคนี้ในปี 2010

สิ่งที่ทำให้ Ovi Maps ต่างจากบริการแผนที่รายอื่นที่สามารถแชร์โลเกชั่นหรือข้อมูลให้เพื่อนในเครือข่าย Facebook ได้คือ การการร่วมมือกับพันธมิตรต่างๆ เช่น Lonely Planet ซึ่งให้ข้อมูลว่าภายในรัศมี 100 เมตร ที่ยืนอยู่มีร้านอาหารกี่ร้าน หรือโรงหนังในละแวกนั้นกำลังลังฉายเรื่องอะไรบ้าง นอกจากนี้ยังร่วมมือกับ Hungry Go Where ในการค้นหาร้านอาหารที่น่าสนใจ และ Michelin City Gude ซึ่งให้บริการจัดเก็บข้อมูลสถานที่ที่น่าไปมาไว้บนแผนที่

ทั้งนี้ โจ ฮาร์โลว์ รองประธานอาวุโส กลุ่มสมาร์ทโฟน ผู้บริหารหญิงคนเดียวในวันนี้ได้เสริมว่าเทรนด์ต่อไปอาจมีการนำเรื่องโลเกชั่นมารวมกับการทำโฆษณาบนมือถือเพื่อต่อยอดคอนเทนต์ในเชิงธุรกิจจากการระบุตำแหน่ง “ถ้าสนใจแฟชั่นเมื่อเดินเข้าไปในห้างสรรพสินค้าก็จะมีโปรโมชั่นของแต่ละร้านแสดงขึ้นมาบนหน้าจอว่ามีอะไรบ้าง หากชอบทานอาหารอิตาลีก็จะมีข้อมูลขึ้นมาว่าย่านนี้มีร้านอาหารอิตาลีกี่ร้าน มีโปรโมชั่นอะไรบ้าง โดยใช้งานผ่านมือถือของโนเกีย”

ในเย็นวันเดียวกัน โนเกียได้จัดกิจกรรม Ultimate Night Out Challenge ด้วยการให้บรรดาสื่อมวลชนจากประเทศต่างๆ แข่งกันใช้ Ovi Mapsบนมือถือรุ่น N97 Mini ในการค้นหาสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อต่างๆ บนเกาะสิงคโปร์เช่นผับดังย่าน Clarke Quay แล้วใช้ N8 ซึ่งมีกล้องขนาด 12 ล้านพิกเซล สามารถบันทึกภาพวิดีโอระดับ HD พร้อมโปรแกรมตัดต่อวิดีโอระดับมืออาชีพ ถ่ายรูปและตัดต่อวิดีโอเพื่ออัพโหลดขึ้นบน Facebook ซึ่งเป็น “กิมมิก” ที่ช่วยให้เข้าใจและเห็นภาพของ Ovi Maps ชัดขึ้นแล้วยังเพิ่มสีสันให้กับการแถลงวิสัยทัศน์ครั้งนี้

เข้าFacebook และTwitter ง่ายๆ

ด้วยกระแสของ Social Network ที่แรงขึ้นทุกนาที ทำให้โนเกียต้องหันมาเน้นฟีเจอร์นี้มากกว่าเก่า ท่ามกลางคู่แข่งรายอื่นที่วิ่งแซงไปพอสมควรก็ตาม โจยอมรับว่าความแรงของ Social Network ช่วยผลักดันให้การใช้งานสมาร์ทโฟนโตขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้ว่า 62% ของผู้ใช้สมาร์ทโฟนจะเน้นที่การติดต่อสื่อสารระหว่างกัน โดยกว่า 30% คือการเข้าถึงเครือข่ายสังคมออนไลน์ และที่เหลือคือการใช้เพื่อความบันเทิง เช่น เข้าเว็บไซต์ต่างๆ

โนเกีย จึงพุ่งเป้าไปทีการเข้าถึง Social Network ยอดฮิตอย่าง Facebook และ Twitter ได้ง่ายและรวดเร็วเป็นคำตอบที่ดีที่สุด โดย N8 ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นไฮไลท์ที่โนเกียจะนำมาทำตลาดภายในไตรมาส 3 นี้ได้ถูกพัฒนาให้สามารถเข้าถึง Social Network ได้รวดเร็วขึ้น ด้วยการ Sign in เข้าสู่ Facebook และ Twitter ได้พร้อมกันโดยไม่ต้องออกจากหน้าจอเดิมเพื่อเข้าสู่หน้าใหม่ โดย Timeline ของทั้งคู่จะถูกรวมไว้ในหน้าจอเดียวกัน รวมทั้งยังสามารถ Add เพื่อนจาก Social Network มาไว้บน Address Book ได้อีกด้วย นอกจากนี้รุ่น X5 ซึ่งเป็นฟีเจอร์โฟนของโนเกียยังเพิ่มขีดความสามารถเอาใจผู้ใช้ด้วยการเชื่อมต่อสู่ Facebook และ Twitter ได้เช่นกัน

Symbian ^3

ถึงแม้ระบบปฏิบัติการซิมเบียนในตลาดสมาร์ทโฟนบ้านเราเริ่มแผ่วลง แต่ในระดับโกลบอลซิมเบียนยังครองอันดับหนึ่ง ซึ่งการพัฒนาซิมเบียน3 คราวนี้ โนเกียพยายามนำเสนอจุดเด่นที่เป็นโอเพ่นซอร์สเพื่อเปิดโอกาสให้นักพัฒนาและผู้ผลิตรายอื่นสามารถเข้ามาพัฒนาแอพพลิเคชั่นได้ เพิ่มขีดความสามารถในการ “ทัช” ให้ดีขึ้นกว่าเก่า สามารถทำงานแบบ Multi tasking ได้หลายอย่างพร้อมกันในเวลาเดียว มีระบบค้นหาเพลงจากการฟังเพลงผ่านวิทยุและสามารถซื้อเพลงแบบออนไลน์ได้เลย รวมทั้งรองรับเครือข่าย 4G

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ N8 ซึ่งเป็นรุ่นแรกที่ใช้ซิมเบียน 3 จึงมีลูกเล่นใหม่ๆ มากขึ้น รวมทั้งมีโปรแกรม Web TV ที่โนเกียจับมือกับสถานีโทรทัศน์ทั้งระดับโลกและท้องถิ่นให้บริการวิดีโอออนดีมานด์แก่ผู้บริโภค
“โนเกีย เชื่อมั่น ในรุ่น N8 แม้ว่าจะเปิดเผยงบการตลาดไม่ได้ แต่บอกได้ว่าใช้เยอะมาก เพราะเป็นรุ่นแรกที่นำซิมเบียน 3 มาใช้ ซึ่งแตกต่างจากซิมเบียนรุ่นอื่นอย่างเห็นได้ชัด อย่างกล้อง 12 ล้านพิกเซล ความละเอียดของวิดีโอ ดังนั้นโนเกียจึงเชื่อมั่นในรุ่นนี้” วิลล์ แฮริส ผู้จัดการฝ่ายการตลาด เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บอกกับสื่อไทยในช่วง Group Interview ซึ่งแน่นอนว่าในรุ่นถัดไปจะใช้แพลตฟอร์มนี้ทั้งหมด และมีกำหนดเปิดตัวซิมเบียน4 ในปลายปีนี้ที่จะเพิ่มประสบการณ์ในการใช้ฟีเจอร์ใหม่ๆ บนมือถือมากขึ้น

จับกลุ่มผู้หญิง

รุ่น X5 หนึ่งในตระกูล XpressMusic ที่โนเกียนำมาเปิดตัว บ่งบอกถึงดีไซน์แบบสไลด์ในรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสคล้ายตลับแป้ง สีสันสุดเหวี่ยงอย่าง ชมพู ม่วง ฟ้า ดำ และเขียว บ่งบอกได้ชัดเจนว่า ผู้หญิงเป็นกลุ่มที่โนเกียไม่เคยมองข้าม การตั้งชื่อฟีเจอร์ที่โดดเด่นและเข้าใจง่ายอย่าง

“Surprise Me” ที่ผู้ใช้สามารถหมุน X5 กับโต๊ะเพื่อเปลี่ยนเพลงแบบสุ่ม จึงสร้างสีสันในการใช้งานที่นอกเหนือจากการเข้าถึง Social Network แชต และเล่นเกม โนเกีย ใช้จังหวะนี้ สำรวจความเห็นจากบรรสื่อมวลชนสาวๆ ทั้งไทย สิงคโปร์ เวียดนาม อินโดนีเซีย อินเดีย และบังกลาเทศ วัดเรตติ้งว่า X5 น่าสนใจเพียงใด อาการตอบรับของเหล่าสาวๆ ทำให้โนเกียดูจะมั่นใจไปสมควร

โจบอกว่าการออกแบบว่าเป็นสิ่งสำคัญเพราะสะท้อนความเป็นตัวตนของคน ที่ผ่านมาโนเกียเคยทำงานร่วมกับดีไซเนอร์ดังๆ มาก่อน และพบว่าความสำเร็จของการดีไซน์คือการสังเกตพฤติกรรมผู้บริโภคว่าสามารถนำสิ่งที่ออกแบบไปใช้งานอย่างไร จึงมีการทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญเรื่องสี เพื่อให้สีต่างๆ มาจากการเก็บข้อมูลในการวิจัย ดูเทรนด์แฟชั่น ตลาดงานดีไซน์ และเทรนด์วัตถุดิบ ดังนั้นโนเกียจึงไม่ยึดติดกับการทำงานร่วมกับดีไซเนอร์ดังๆ แต่เป็นทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ มากกว่า

2ซิมมาแน่

งานนี้ โนเกีย ยังได้ประกาศท้าชนกับระดับเฮาส์แบรนด์เป็นครั้งแรกด้วยมือถือ 2 ซิม ที่เปิดตัวพร้อมกันถึง 4 รุ่นด้วยกันอย่าง C1-00 จอสีไม่มีกล้อง ตามด้วย C1-01 มีกล้อง VGA ฟังวิทยุได้ C1-02 มีกล้อง ฟังวิทยุได้ มีบลูทูธ และ Ovi Mail สุดท้ายคือ C2 ฟัง MP3 และวิทยุได้ ซึ่งวิลล์ให้คำตอบว่าเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นตลาดที่มีการเติบโตเร็วกว่าที่อื่นมาก โดยเฉพาะเรื่องแชต อีเมล และบริการต่างๆ โดยเฉพาะไทยซึ่งเป็นตลาดที่มีความต้องการหลากหลาย ทั้งเบสิกโฟน สมาร์ทโฟน ไปจนถึงระดับไฮเอนด์ และสิ่งที่ผู้บริโภคสนใจคือแบรนด์ ดีไซน์ คุณสมบัติการใช้งาน รวมถึงราคาก็มีผลเช่นกัน