ท่องเที่ยว “ภูเก็ต” ยังน่าห่วง จี้ภาครัฐใช้ยาแรงกู้วิกฤตให้ “เรารอดด้วยกัน”

สถานการณ์ท่องเที่ยวภาคใต้โดยเฉพาะ “ภูเก็ต” เริ่มฟื้นตัวขึ้นนับตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นมา แต่ถึงแม้ดีขึ้นก็ยังไม่ดีพอที่จะกู้วิกฤตให้กับอุตสาหกรรมทั้งระบบ ททท.ชี้ต้องเร่งโปรโมตเรื่อง “ราคาเป็นมิตร-ธรรมชาติฟื้นฟู” เพื่อดึงคนไทยเที่ยวใต้ บริษัททัวร์ เลิฟอันดามัน จี้ภาครัฐแก้ปม “เราเที่ยวด้วยกัน” ไม่เอื้อภูเก็ต ด้านบริษัท Klook จับมือทั่วทิศจัดแพ็กเกจลดราคา เชื่อมีคนไทยจองเที่ยวภูเก็ตผ่านแพลตฟอร์มโตเกิน 100% จากปีก่อน

นับได้ว่า “ภูเก็ต” เป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากวิกฤต COVID-19 เพราะในจำนวนนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเมื่อปี 2562 จำนวน 15 ล้านคน จะเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติถึง 12 ล้านคนหรือคิดเป็น 80% โดยมีนักท่องเที่ยวไทยเข้าภูเก็ตประมาณ 3-4 ล้านคนเท่านั้น

หลังรัฐบาลเริ่มผ่อนคลายล็อกดาวน์ และคนไทยเริ่มออกเที่ยว ภูเก็ตก็ยังไม่ใช่ตัวเลือกหลัก เพราะเวลานั้นคนไทยยังหวั่นกลัวการขึ้นเครื่องบินซึ่งเชื่อว่าเป็นแหล่งแพร่เชื้อโรค COVID-19 ได้ง่าย แต่เมื่อคนไทยเลิกกลัวเครื่องบิน การไปเยือนภูเก็ตก็ยังคงติดอยู่กับภาพลักษณ์ว่า “แพง” “ราคานักท่องเที่ยวต่างชาติ” “ไม่ต้อนรับคนไทย” ทำให้ภูเก็ตฟื้นช้ากว่าเมื่อเทียบกับแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ เช่น หัวหิน พัทยา

“ปิ่นนาถ เจริญผล” ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) อัปเดตสถานการณ์ล่าสุดของภูเก็ตว่า จำนวนนักท่องเที่ยวเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นมา แต่การจะดันนักท่องเที่ยวไทยให้แตะ 4 ล้านคนเท่ากับปีที่แล้วคงเป็นไปได้ยาก เพราะปีนี้ภูเก็ตต้อง ‘ปิดสนิท’ ไปถึง 4 เดือนเต็ม แต่ ททท. กำลังพยายามอย่างที่สุดเพื่อให้ตัวเลขรวมทั้งปี 2563 มีนักท่องเที่ยวไทยเกิน 2 ล้านคน

หาดป่าตอง ภูเก็ต ช่วงหลัง COVID-19 ยังมีนักท่องเที่ยวบางตา (Photo : Shutterstock)

โดยการโปรโมตของ ททท. และร่วมกับพาร์ตเนอร์จะมีโจทย์หลักที่ต้องสื่อสารกับคนไทย คือ “ราคาเป็นมิตร” และ “ธรรมชาติที่ฟื้นฟู” ของภูเก็ต หลังจากทุกโรงแรมมีการจัดโปรโมชันลดกระหน่ำเพื่อให้คนไทยเข้าถึงง่าย รวมถึงธรรมชาติที่สวยงามขึ้น ไม่มีนักท่องเที่ยวคลาคล่ำเหมือนก่อน เป็นโอกาสดีที่คนไทยจะมาเยือนตอนนี้

ด้านสถานการณ์โรงแรมภูเก็ต ปิ่นนาถเปิดเผยว่าจากโรงแรม 1,870 แห่ง มีเพียง 350 แห่งที่กลับมาให้บริการแล้วส่วนที่เหลือกำลังพิจารณาทยอยกลับมาเปิดทำการ แต่ก็ยังอยู่ในช่วงที่ยากลำบาก เพราะหากคิดเฉพาะโรงแรมที่กลับมาบริการแล้ว 15,000 ห้อง ยังมีอัตราเข้าพักไม่ถึง 50% เพราะคนไทยมาเที่ยวช่วงสุดสัปดาห์เป็นส่วนใหญ่ เมื่อเฉลี่ยรวมกับวันธรรมดาแล้วอัตราเข้าพักก็ยังไม่ดีมากนัก

“ดังนั้น อยากเชิญชวนให้คนไทยไปช่วยภาคใต้กัน โดยเฉพาะช่วงธันวาคมนี้จะมีหยุดยาวอีก 2 รอบ เลยไปถึงช่วงมกรา-กุมภา’64 เป็นหน้าไฮซีซั่นของฝั่งอันดามันที่น่าเที่ยว และหลายโรงแรมมีดีลดีๆ เยอะมาก” ปิ่นนาถกล่าว

 

บริษัททัวร์ขอรัฐฉีด “ยาแรง” ให้ภูเก็ต

ด้าน “ต่อพงษ์ วงศ์เสถียรชัย” กรรมการผู้จัดการ บริษัท เลิฟอันดามัน จำกัด กล่าวว่า ช่วงนี้เป็นโอกาสทองที่คนไทยจะได้เที่ยวเกาะในบรรยากาศ 30 ปีก่อน ยกตัวอย่างเกาะสิมิลันที่เคยมีนักท่องเที่ยววันละ 6,000-7,000 คน ช่วงนี้วันธรรมดาจะเหลือหลักร้อยคนเท่านั้น ทำให้มีคนไทยต้องการมาเยือนมาก โดยเฉพาะ 1 เดือนที่ผ่านมามองว่าคนไทยน่าจะมาภูเก็ตมากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนแล้ว

อย่างไรก็ตาม แม้บรรยากาศจะคึกคักขึ้น แต่ตัวเลขเทียบกับตลาดรวม นักท่องเที่ยวไทยที่มากขึ้นก็ยังไม่มากพอ ต่อพงษ์กล่าวว่า ภูเก็ตมีโรงแรมทุกระดับและรวมทั้งที่จดทะเบียนเป็นโรงแรมกับที่ไม่ได้จดทะเบียนกว่า 150,000 ห้องเลยไปถึงเขาหลัก จ.พังงา มีอีก 10,000 ห้อง แต่วันนี้คนไทยมาภูเก็ตเฉลี่ยวันละ 10,000 คนเท่านั้น เห็นได้ว่าเติมเต็มโรงแรมได้ยังไม่ถึง 10%

ย่านเมืองเก่าภูเก็ต (Photo by Michael Rafael from Pexels)

“อยากให้ภาครัฐมองมุมใหม่ว่าภูเก็ตตอนนี้ไม่ใช่ ‘เราเที่ยวด้วยกัน’ แล้ว แต่ต้องการ ‘เรารอดด้วยกัน’ ที่นี่ยังวิกฤตหนักที่สุด ทั้งที่ปกติทำรายได้ให้ประเทศปีละ 4.7 แสนล้านบาท” ต่อพงษ์กล่าว

ปัญหาที่มองเห็นคือ ภูเก็ตมีลักษณะเฉพาะคือไม่มีขนส่งสาธารณะ ดังนั้นนักท่องเที่ยวที่มาถ้าไม่ซื้อทัวร์ก็ต้องเช่ารถขับ ซึ่งทำให้ค่าใช้จ่ายแพงขึ้นมากเมื่อเทียบกับไปเที่ยวจังหวัดอื่น ขณะที่แคมเปญเราเที่ยวด้วยกัน รัฐบาลออกให้ 40% ส่วนนี้ไม่ครอบคลุมการจ่ายค่าทัวร์หรือเช่ารถ ออกให้เฉพาะค่าโรงแรมกับตั๋วเครื่องบิน ภูเก็ตจึงได้อานิสงส์น้อยกว่า เมื่อลูกค้าบวกลบค่าใช้จ่ายแล้วมองว่าไปจังหวัดใกล้ๆ หรือจังหวัดที่มีขนส่งมวลชนจะคุ้มกว่า

สุดท้ายคนที่มาภูเก็ตจึงมักจะเป็นกลุ่มคนระดับกลางถึงบน พักโรงแรม 4-5 ดาวเพื่อความคุ้มค่าจากสิทธิเราเที่ยวด้วยกัน แต่ในภูเก็ตมีโรงแรมระดับบัดเจ็ตไม่น้อยที่ไม่ได้อานิสงส์ของเราเที่ยวด้วยกัน

เลิฟอันดามัน มีนักท่องเที่ยวไทยเฉลี่ยวันละกว่า 1,000 คน แต่ทัวร์บริษัทเล็กรายอื่นๆ กำลังรอความช่วยเหลือจากรัฐ

ในฐานะคนทำบริษัททัวร์ ต่อพงษ์กล่าวว่า เลิฟอันดามันเองอยู่ในช่วงที่ “รอดแล้ว” เพราะโชคดีที่พื้นฐานมีลูกค้าไทยตั้งแต่ช่วงก่อน COVID-19 ระบาด โดยมีมาร์เก็ตแชร์ประมาณ 30% ในตลาดลูกค้าไทย รวมถึงจับลูกค้าระดับกลางถึงบน และเป็นบริษัทใหญ่ที่มีทุนการตลาด ทำให้มีนักท่องเที่ยวไทยเข้ามาเฉลี่ยวันละ 1,000 คน พยุงตนเองให้รอดแม้ไม่มีต่างชาติ

“แต่คนทำทัวร์ในภูเก็ตที่รอดตอนนี้มีไม่เกิน 5% อีก 95% จะไม่รอดภายใน 1 ปีถ้ารัฐไม่ช่วย บริษัทเล็กๆ เหล่านี้ไม่มีช่องทางและทุนทำการตลาด” ต่อพงษ์กล่าว “คุณต้องช่วยให้ยาแรงกับจุดที่หนักที่สุดแล้ว คนระดับกลางระดับเล็กต้องการการช่วยเหลือมากกว่านี้”

 

Klook ประสานสิบทิศจัดแพ็กเกจลดราคา

เมื่อการกระตุ้นท่องเที่ยวภูเก็ตไม่ง่าย ทำให้ต้องผนึกกำลังกันหลายฝ่ายเป็นแพ็กเกจเดียว แพลตฟอร์มจองท่องเที่ยวออนไลน์ Klook จึงจับมือ ททท. และพันธมิตรเปิดตัวโครงการ “ภูเก็ต…อย่าเดี๋ยว เที่ยวเลย”

งานนี้รวมแพ็กเกจลดราคาหลายแพ็กเกจ ในลักษณะจัดทัวร์เที่ยวเกาะพ่วงบัตรเข้าชมสถานที่ต่างๆ ในภูเก็ต และวอชเชอร์สปา-ร้านอาหาร เช่น ทัวร์สิมิลัน เลิฟเวอร์ จะได้ทัวร์เกาะสิมิลันเต็มวัน บัตรชมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Aquaria Phuket บัตรพิพิธภัณฑ์ทริกอาย วอชเชอร์ร้านอาหารกันเอง นวดสปาที่ร้าน Kim’s massage ในราคา 3,999 บาท จากราคาเต็ม 6,190 บาท

นอกจากนี้ยังดีลสายการบิน ไทยไลอ้อนแอร์ รถเช่าบริษัท ASAP โรงแรมเครือ แมริออท ลดราคาพิเศษบนแพลตฟอร์ม Klook

พันธมิตรโครงการ “ภูเก็ต…อย่าเดี๋ยว เที่ยวเลย”

ก่อนหน้านี้ Klook เคยจัดโครงการ “ชีพจรลงSouth” กับ ททท. มาแล้วในเดือน ต.ค. 63 และทำให้ยอดขายแพ็กเกจในภูเก็ตได้รับความนิยมทันที ส่วนโครงการรอบนี้ทาง Klook ตั้งเป้าว่าจะทำให้ยอดขายที่ภูเก็ตโต 100% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากบริษัทได้ปรับตัวมาเน้นนักท่องเที่ยวไทยเที่ยวในประเทศมากขึ้นแล้ว จากปกติ Klook จะเด่นในด้านแพ็กเกจต่างประเทศหรือแพ็กเกจในประเทศที่จับนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก

ปัจจุบัน “ภูเก็ต” เป็นจังหวัดยอดนิยมอันดับ 2 บน Klook รองจากอันดับ 1 คือกรุงเทพฯ ส่วนอันดับ 3 คือเชียงใหม่ สำหรับกรุงเทพฯ เป็นที่นิยมเพราะคนไทยเน้นซื้อแพ็กเกจส่วนลดกิจกรรมต่างๆ เช่น ชมวิวตึกมหานคร ส่วนลดร้านอาหาร แพ็กเกจนวดสปา ตั๋วเข้าสวนสนุก-สวนสัตว์ เป็นต้น