รัฐบาลญี่ปุ่นมีแผนที่จะทำให้รถยนต์น้ำมันเบนซินหมดไปภายใน 15 ปีข้างหน้า ในแผนการเพื่อบรรลุเป้าการปล่อยก๊าซคาร์บอนเหลือศูนย์ และสร้างการเติบโตในแบบเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ยุทธศาสตร์การเติบโตแบบเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ที่มุ่งเป้าอุตสาหกรรมไฮโดรเจนและยานยนต์ ถูกวางในฐานะแผนปฏิบัติการเพื่อบรรลุคำสัญญาของนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ เมื่อเดือนตุลาคมที่จะขจัดการปล่อยก๊าซคาร์บอนให้หมดภายใน 50 ปี
นายกรัฐมนตรีซูงะให้ความสำคัญกับการลงทุนเพื่อสิ่งแวดล้อมเป็นอันดับหนึ่ง เพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 และนำญี่ปุ่นเข้าสู่เส้นทางเดียวกับสหภาพยุโรป จีน และประเทศอื่นๆ ที่ตั้งเป้าหมายลดการปล่อยมลพิษกันแล้ว
รัฐบาลจะเสนอสิทธิพิเศษทางภาษี และความช่วยเหลือทางการเงินกับบริษัทต่างๆ โดยคาดหวังตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจ 90 ล้านล้านเยนต่อปี จากการลงทุนและการขายสินค้าเพื่อสิ่งแวดล้อมในปี 2030 และ 190 ล้านล้านเยนในปี 2050
กองทุนเพื่อสิ่งแวดล้อม 2 ล้านล้านเยนจะสนับสนุนการลงทุนในเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อมต่างๆ
แผนการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะแทนที่การจำหน่ายรถยนต์น้ำมันเบนซินด้วยรถยนต์พลังงานไฟฟ้า รวมถึงรถยนต์ไฮบริด และไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ในช่วงกลางทศวรรษ 2030
เพื่อเร่งการแพร่กระจายของรถยนต์ไฟฟ้า รัฐบาลเตรียมที่จะหั่นราคาของแบตเตอร์รี่รถยนต์ลงมากกว่าครึ่งเหลือ 10,000 เยน หรือน้อยกว่านั้นต่อกิโลวัตต์ชั่วโมงภายในปี 2030 รัฐบาลต้องการเพิ่มการใช้ไฮโดรเจนเป็น 3 ล้านตันภายในปี 2030 และประมาณ 20 ล้านตันภายในปี 2050 จากเพียง 200 ตันในปัจจุบัน ในภาคต่างๆ เช่น การผลิตกระแสไฟฟ้าและคมนาคม
ยุทธศาสตร์นี้ระบุชื่อ 14 อุตสาหกรรม เช่น กังหันลมนอกชายฝั่งและเชื้อเพลิงแอมโมเนีย และตั้งเป้าผลิตพลังงานกังหันลมนอกชายฝั่งสูงสุด 45 กิกะวัตต์ในปี 2040