เยอรมันยังอ่วม! “รัฐบาวาเรีย” ยกระดับล็อกดาวน์ ห้ามออกจากบ้านโดยไม่จำเป็นถึง 5 ม.ค.

Photo : Shutterstock
รัฐบาวาเรียทางตอนใต้ของเยอรมนี เตรียมประกาศล็อกดาวน์เข้มข้นตั้งแต่วันที่ 9 ธ.ค. ยาวไปจนวันที่ 5 ม.ค. ปีหน้า เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของ COVID-19 หลังจากที่รัฐแห่งนี้ทำสถิติมีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในเยอรมนี

มาร์คุส โซเดอร์ ผู้ว่าการรัฐบาวาเรีย ระบุในงานแถลงข่าวว่า ตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์นี้เป็นต้นไป ประชาชนในรัฐบาวาเรียจะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากที่พักอาศัย เว้นแต่จะมีเหตุอันควร โดยทางการจะผ่อนคลายกฎบางอย่างให้ในช่วงเทศกาลคริสต์มาส แต่จะไม่ผ่อนผันสำหรับการเฉลิมฉลองปีใหม่

“สถานการณ์อยู่ในขั้นร้ายแรง ที่ทำอยู่นี้ยังไม่เพียงพอ เราจะต้องคุมเข้มยิ่งกว่านี้” โซเดอร์ กล่าว

ภายใต้กฎระเบียบใหม่นี้ ชาวรัฐบาวาเรียจะสามารถออกจากที่พักอาศัยเพื่อไปทำงาน, พบแพทย์ หรือเดินออกกำลังกายเท่านั้น ขณะที่ทางการยังมีแผนประกาศเคอร์ฟิวในบางพื้นที่ซึ่งไวรัสแพร่ระบาดหนัก

ร้านค้าจะยังเปิดทำการได้ตามปกติ ส่วนโรงเรียนต่างๆ ก็ได้รับอนุญาตให้ทำการเรียนการสอนได้ แต่ให้สลับกันเข้าชั้นเรียนสัปดาห์เว้นสัปดาห์สำหรับนักเรียนที่อายุตั้งแต่ 13 ปีขึ้นไป

โซเดอร์ เตรียมจะขอให้สภาแห่งรัฐบาวาเรียอนุมัติมาตรการล็อกดาวน์ชุดใหม่ในวันที่ 8 ธ.ค. นี้

เยอรมนีเคยประสบความสำเร็จในการควบคุม COVID-19 เมื่อช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย. ที่ผ่านมา แต่สุดท้ายก็หนีไม่พ้นการแพร่ระบาดระลอกที่ 2 ซึ่งรุนแรงยิ่งกว่าเก่า และได้เริ่มใช้มาตรการล็อกดาวน์ตั้งแต่ช่วงต้นเดือน พ.ย. โดยมีการปิดร้านอาหาร, บาร์ และจำกัดการรวมคนในที่สาธารณะ

แม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่จะเริ่มเข้าสู่ภาวะเสถียร แต่ก็ยังจัดว่าค่อนข้างสูง ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตรายวันจาก COVID-19 ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันพุธที่ 2 ธ.ค.

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 ธ.ค. สถาบันโรเบิร์ตค็อก (Robert Koch Institute) ซึ่งเป็นหน่วยงานควบคุมโรคของเยอรมนีรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 17,767 ราย รวมจำนวนผู้ติดเชื้อสะสม 1,171,323 ราย ขณะที่ผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 255 ราย รวมเป็น 18,772 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้เสียชีวิตในรัฐบาวาเรียถึง 4,289 ราย

นายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิล แห่งเยอรมนีและบรรดาผู้ว่าการรัฐต่างๆ มีมติเห็นชอบเมื่อวันพุธที่ 2 ธ.ค. ให้ขยายมาตรการล็อกดาวน์ระดับชาติ ซึ่งรวมถึงคำสั่งห้ามพบปะสังสรรค์ระหว่างคนต่างครอบครัวเกินกว่า 5 คน ไปจนถึงวันที่ 10 ม.ค.

Source