ต้องยอมรับว่าตลาด ‘สมาร์ทโฟน’ ในประเทศไทยและทั่วโลกจะค่อนข้างตัน ๆ แล้วในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา แม้ในปีนี้จะมี ‘5G’ สร้างความตื่นเต้นบ้าง แต่ก็มาเจอพิษ COVID-19 สกัดดาวรุ่งไปเกือบครึ่งปี แต่ในส่วนของตลาด ‘องค์กร’ กลับยิ่งไปได้ดีเมื่อมี COVID-19 เข้ามา ดังนั้น ‘ซัมซุง’ จึงเดินหน้าลุยตลาดองค์กรที่ยังเป็นช่วงขาขึ้นในตอนนี้
ดร.มารุต มณีสถิตย์ ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจลูกค้าองค์กร ธุรกิจโทรคมนาคมและไอที บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด เปิดเผยว่า สินค้ากลุ่ม ‘Rugged Device’ ที่มีความคงทนระดับ ‘ทหาร’ นั้น องค์กรในประเทศไทยมีการใช้งานถึง 44% ของดีไวซ์ทั้งหมด โดยในปี 2021 คาดว่าตลาดจะมีมูลค่าสูงถึง 73 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยทั่วโลกคาดว่าจะเติบโตประมาณ 5-10%
“เนื่องจากแต่ละองค์กรมีความต้องการดีไวซ์ที่เฉพาะเจาะจงและทนทานเพื่อใช้ในการทำงานมากขึ้น อย่าง COVID-19 ก็ทำให้ตลาดเฮลท์แคร์ต้องการดีไวซ์ที่สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ หรืออย่างธุรกิจขนส่งที่เติบโตเพราะอีคอมเมิร์ซ ธุรกิจฟู้ดเดลิเวอรี่ หรือแม้กระทั่งตลาดโฮมยูสที่ต้องการเครื่องที่ทนทานให้ลูกใช้งาน”
ที่ผ่านมา หลังจากที่องค์กรลงทุนกับสินค้ากลุ่ม Rugged Device พบว่าช่วยให้ลดต้นทุนได้ 40% ภาพรวมการบริหารจัดการด้านไอทีในองค์กรลดลง 25% ช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้องค์กรได้ 35% ทั้งนี้ อายุใช้งานของ Rugged Device จะอยู่ที่ประมาณ 2-3 ปี เนื่องจากเทคโนโลยีที่เปลี่ยนเร็วทำให้ผู้ประกอบการต้องเปลี่ยน พอเปลี่ยนมาใช้ มีประสิทธิภาพดีขึ้น 35% ช่วยเพิ่มความปลอดภัย 25%
“อย่างอุตสาหกรรมการผลิตเขาใช้สินค้าปกติไม่ได้ เพราะมีโอกาสเจอฝน เจอน้ำ เจอฝุ่น และอาจตกกระแทก หรืออย่างกลุ่มเฮลท์แคร์ เขาต้องการดีไวซ์ที่สามารถใช้แอลกอฮอล์เช็ดทำความสะอาดได้ ซึ่งสินค้าทั่วไปในตลาดไม่สามารถทำได้”
สำหรับซัมซุงเพิ่งเข้าทำตลาดองค์กรได้เพียง 2 ปี โดยปัจจุบันมีลูกค้าในมือกว่า 100 ราย เติบโตจาก 20 รายในปี 2018 โดยในช่วงครึ่งปี 2020 นี้ ซัมซุงมีอัตราการเติบโต 42% และในปี 2021 คาดว่าจะเติบโตได้ 20% เป็นอย่างต่ำ ขณะที่ตลาดคาดว่าจะเติบโตประมาณ 10%
ปัจจุบัน สินค้าที่ซัมซุงใช้ทำตลาดมีเป็นสมาร์ทโฟน 2 รุ่น คือ Galaxy XCover4 และ Galaxy XCover Pro (ราคาเริ่มต้น 16,900 บาท) แท็บเล็ตมี 2 รุ่น คือ Galaxy Tab Active3 และ Galaxy Tab Active Pro (ราคาเริ่ม 21,900 บาท) โดยทั้งหมดเป็นสินค้าเกรดทหาร โดยทนทานต่อการกระแทก การตกจากที่สูง การกันน้ำและกันฝุ่น 100% สามารถเช็ดล้างทำความสะอาดได้ สามารถใช้งานได้แม้หน้าจอเปียก หรือในขณะสวมถุงมือ นอกจากนี้ อีกส่วนที่เป็นจุดแข็งของซัมซุงก็คือ Knox ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและสามารถจัดการเครื่องในองค์กรทั้งหมดได้พร้อมกัน นอกจากนี้ราคาของซัมซุงยังดีกว่าคู่แข่งถึงครึ่งหนึ่งอีกด้วย
“ลูกค้ารายใหญ่ของเราตอนนี้มี CP, SCG ที่ซื้อสินค้าเราไปให้พนักงานใช้ภายในองค์กร โดยเรามองว่าโอกาสของเราในปีหน้าอยู่ที่กลุ่มเฮลท์แคร์, แมนูแฟคทอริ่ง และรีเทล”
ทั้งนี้ ในปี 2019 รายได้จากฝั่ง B2B ของซัมซุงในไทยอยู่ที่ 5% ขณะที่ปี 2020 นี้คาดว่าจะมีสัดส่วน 10% และในปี 2021 จะเติบโตเป็นเท่าตัว