ถอดสูตร “พาวเวอร์ชอต” อาหารเสริมของ “กาละแมร์-พัชรศรี” ขอเดินตาม “คาราบาวโมเดล”

ในเวลา 1 ปีครึ่ง บริษัทอาหารเสริม “พาวเวอร์ชอต” ของ กาละแมร์-พัชรศรี เบญจมาศ กำลังจะทำรายได้แตะ 1,500 ล้านบาท และตั้งเป้าปี 2564 จะโต 3 เท่าเป็น 6,000 ล้านบาท ทำให้ตัวเลข “หมื่นล้าน” อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม โดยเธอมองว่าจะทำได้ภายใน 3 ปี พร้อมเล็งโอกาสธุรกิจ แตกไลน์ไปทำงานด้านระบบชำระเงินเร็วๆ นี้

ปีแห่งความยากลำบากทางเศรษฐกิจ แต่ธุรกิจด้านสุขภาพกลับมาแรง เพราะปัญหาโรคระบาด COVID-19 ทำให้ผู้บริโภคใส่ใจเรื่องสุขภาพสูงขึ้น โดย Euromonitor International คาดการณ์ว่า ตลาดอาหารเสริมในไทยจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นจาก 20,876 ล้านบาทเมื่อปี 2562 เป็นมูลค่า 23,916 ล้านบาทในปี 2563 หรือเติบโตขึ้นเกือบ 15% สวนทางกับจีดีพีประเทศ

เทรนด์ตลาดรวมดังกล่าวเป็นลมใต้ปีกให้ธุรกิจของ “กาละแมร์-พัชรศรี เบญจมาศ” พิธีกรคนดัง เติบโตสุดขีดในเวลา 1 ปีครึ่ง โดยเธอก่อตั้ง บริษัท พาวเวอร์ชอต จำกัด ขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายน 2562 เพื่อจำหน่ายสินค้าอาหารเสริมบำรุงสุขภาพและความงาม ปัจจุบันมีจำหน่าย 13 รายการ และคาดว่าจะปิดยอดขายปี 2563 ที่ 1,500 ล้านบาท โดยเป็นการขายผ่านช่องทางออนไลน์ล้วนๆ และไม่มีตัวแทนจำหน่าย ใช้ระบบขายตรงจากบริษัท

Lion Queen ผลิตภัณฑ์ล่าสุดของพาวเวอร์ชอต

สำหรับ ปี 2564 พัชรศรีกล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายโตถึง 3 เท่าเป็น 6,000 ล้านบาท เนื่องจากเดือนธันวาคมปี 2563 บริษัทออกสินค้าใหม่ชื่อ Lion Queen เน้นสรรพคุณบำรุงสมอง บำรุงกำลัง และผิวพรรณ ซึ่งจะเป็นเรือธงทำตลาดปีหน้า ด้วยราคาถูกลงที่ 490 บาทต่อกล่อง 10 ซอง ทำให้ลูกค้าเข้าถึงง่ายขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทจะเริ่มเจาะตลาดโมเดิร์นเทรดเป็นครั้งแรก ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาร้านค้า ประกอบกับการอัดงบการตลาด 600 ล้านบาท มีพรีเซ็นเตอร์เพิ่มจากตัวกาละแมร์เอง และจะออกสินค้าเพิ่มอีกอย่างน้อย 5 รายการ ซึ่งทั้งหมดจะช่วยดันให้ยอดขายเป็นไปตามเป้า

กาละแมร์-พัชรศรี เบญจมาศ ประธานกรรมการ บริษัท พาวเวอร์ชอต จำกัด

เมื่อถามว่าภายใน 3 ปี เธอมองเห็นบริษัทจะแตะ “หมื่นล้าน” เลยหรือไม่ พัชรศรีตอบอย่างมั่นใจว่า “ถึงแน่นอน” โดยวางวิสัยทัศน์จะขยายไปจำหน่ายสินค้าในต่างประเทศ ซึ่งส่วนนี้อยู่ระหว่างหาพาร์ตเนอร์เพื่อเข้าไปทำตลาด รวมถึงมองว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อระดมทุนขยายตัวต่อเนื่อง

นับว่าเป็นการพลิกสู่เส้นทางนักธุรกิจเต็มตัวของพัชรศรี โดยเธอมอง “โมเดลต้นแบบ” คือ แอ๊ด คาราบาว ซึ่งวันนี้มีธุรกิจคาราบาว กรุ๊ปมูลค่าถึง 5 หมื่นล้านบาทแล้ว จากจุดเริ่มต้นที่คล้ายกันคือการนำชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของตนมาเป็นรากฐานการพัฒนาสินค้า

วิธีทำงานและพัฒนาสินค้าของพาวเวอร์ชอตเป็นอย่างไร เราจะพาไปถอดสูตรจากกาละแมร์-พัชรศรีกัน!

 

พัฒนาสินค้าที่ “แก้ปัญหา”

จุดตั้งต้นของการพัฒนาพาวเวอร์ชอตคือ “ตนเอง” โดยเธอเล่าย้อนไปว่าเธอเริ่มประสบปัญหาสมองเบลอ ความจำแย่ลง จึงต้องการอาหารบำรุงสมองและทำให้มีพลัง แต่มองไปในตลาดแล้วไม่มีสินค้าที่ใช่ทั้งในแง่ผลลัพธ์และแพ็กเกจเหมาะกับไลฟ์สไตล์ สุดท้ายจึงลงทุนพัฒนาสินค้าเอง นอกจากได้ทานเองแล้วยังมีโอกาสการขายด้วย

สินค้าแรกที่ออกขายจึงเป็น Power Shot Brain เป็นอาหารเสริมชนิดผงสำหรับชงดื่มหรือฉีกซองทานได้ทันที เน้นเรื่องการบำรุงสมอง หลังจากนั้นมีสินค้าอื่นออกตามมาอีกหลายรายการ แต่ละผลิตภัณฑ์จะเน้นประโยชน์ต่างกันไป เช่น บำรุงผิว ช่วยการขับถ่าย ช่วยให้พลังงานสูง ยกกระชับใบหน้า เสริมภูมิคุ้มกัน ให้โปรตีนสูง แต่ภาพรวมจะมีสินค้าที่เน้นด้านสุขภาพ 70% และสินค้าที่เน้นความงาม 30%

พอร์ตสินค้าแบ่งเป็นกลุ่มที่เน้นสุขภาพ 70% และกลุ่มที่เน้นความงาม 30%

จากจุดเริ่มต้นที่ออกสินค้ามาแก้ปัญหาให้ตนเอง พัชรศรีกล่าวว่า เมื่อมีฐานลูกค้าแล้วจะมีเสียงเรียกร้องจากลูกค้าว่าต้องการแก้ปัญหาอะไร ทำให้เป็นโจทย์ให้บริษัทมาวิจัยและพัฒนา ยกตัวอย่างเช่น Cele Fooz ซึ่งเป็นอาหารเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ก็มาจากการพูดคุยกับลูกค้า และปัจจุบันเป็นสินค้าที่ขายดีที่สุด

ปีหน้าก็จะมีสินค้าใหม่ๆ ที่ออกมาจากโจทย์ที่ลูกค้าเรียกร้อง เช่น ต้องการรูปร่างที่ดีขึ้น ต้องการบำรุงสายตา บำรุงกระดูกและข้อ เป็นต้น

 

ใช้ภาพลักษณ์และแฟนคลับของตนเป็นฐาน

Instagram ของกาละแมร์-พัชรศรี มีผู้ติดตาม 3 ล้านคน เป็นฐานลูกค้าได้ทันที

ด้วยความเป็นคนดังของกาละแมร์-พัชรศรี ทำให้เธอมีแฟนคลับติดตามอยู่แล้ว และมีการสื่อสารไลฟ์สไตล์ของตัวเองมาตลอด โดยมีภาพลักษณ์เป็นสาวแกร่ง รักการทำงาน วิถีชีวิตรักสุขภาพ ออกกำลังกาย ทำให้ตัวเธอเองคือพรีเซ็นเตอร์แบรนด์ เป็นศูนย์กลางการพัฒนาทั้งคุณสมบัติสินค้าจนถึงแพ็กเกจผลิตภัณฑ์ รวมถึงเป็นแกนในการทำการตลาด

ฐานแฟนคลับที่ติดตามอยู่ 3 ล้านรายใน Instagram และอีก 9.5 แสนรายใน Facebook Page คือการตลาดที่ทรงพลังมาก เธอจะลงรูปผลิตภัณฑ์และไลฟ์ขายสินค้าสลับไปกับการโพสต์ไลฟ์สไตล์ส่วนตัว ทำให้มียอดขายทะยานเร็ว

 

แพ็กเกจต้องสวยและตรงกับไลฟ์สไตล์

แพ็กเกจแบบผู้หญิงๆ เหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย

ดังที่กล่าวว่าเธอพัฒนาสินค้าจากตัวเอง สิ่งหนึ่งที่เธอพบในตลาดอาหาร/เครื่องดื่มบำรุงกำลังคือ “แพ็กเกจ” มักจะไม่สวยงาม ทำให้ตนเองหรือลูกค้าไม่กล้าบอกใครว่าทานอยู่ ไม่กล้าพกไปทานนอกบ้าน ซึ่งทำให้เธอเลือกดีไซน์แพ็กเกจให้มีความเป็นผู้หญิง ดูแฟชั่น พรีเมียม ตรงกับไลฟ์สไตล์ตนเอง

“ไม่ใช่แค่ได้ผลจริง ผลิตภัณฑ์ต้องดูแล้วน่าพึงพอใจด้วย รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ต้องมาหมด ต้องเป็นสิ่งที่เขาถือแล้วภาคภูมิใจ” พัชรศรีกล่าว

 

สร้าง “คอมมูนิตี้” ของลูกค้า

พัชรศรีกล่าวว่า ปัจจุบันลูกค้าส่วนใหญ่ 90% คือกลุ่ม “ผู้หญิง” และส่วนมากเป็น คนวัยทำงานอายุ 30-60 ปี รองลงมาคือกลุ่มนักศึกษา เธอวิเคราะห์ว่ากลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้เป็นฐานที่ดีมาก เพราะผู้หญิงเป็นกลุ่มที่ชอบการบอกต่อ แนะนำต่อให้คนรอบตัว ซึ่งทำให้ติดสปีดยอดขายขึ้นไปอีก

จากพฤติกรรมผู้บริโภค ทำให้การตลาดของพาวเวอร์ชอตจะมีการสร้างคอมมูนิตี้ของลูกค้าบนโลกออนไลน์ด้วย กระตุ้นให้ลูกค้าที่รับประทานแล้วมาแชร์ผล รีวิวกัน สร้างความแข็งแรงของการตลาดมากขึ้นไปอีก

 

สั่งง่าย ชำระเงินสะดวก

หลังลูกค้าตัดสินใจซื้อแล้ว จุดนี้เป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญในการปิดการขาย คือต้องมีทุกช่องทางให้ซื้อและชำระเงิน โดยปัจจุบันมีขายผ่านเว็บไซต์, Line@, Line My Shop, Facebook, Shopee, Call Center และล่าสุดมี
แอปพลิเคชันของตนเอง ส่วนการชำระเงินทำได้ทั้งตัดบัตรเครดิต สแกนจ่ายด้วย QR Code ชำระที่ 7-Eleven
และชำระเงินปลายทาง (COD)

จุดนี้เองที่ทำให้พัชรศรีเล็งจะเปิดธุรกิจใหม่ บริการช่วยจัดการระบบชำระเงิน (payment) ให้กับธุรกิจอีคอมเมิร์ซต่างๆ เพราะเห็นช่องว่างว่าการจัดการระบบชำระเงินค่อนข้างยุ่งยาก เป็นโอกาสที่จะแตกไลน์ออกไป

นอกจากพาวเวอร์ชอตซึ่งเป็นธุรกิจหลักที่ใหญ่ที่สุด กาละแมร์-พัชรศรี มีธุรกิจที่ร่วมหุ้นกับพาร์ตเนอร์อื่นอีก 3 บริษัทคือ พาวเวอร์บอล (อาหารคลีน), ร้านชา-น้ำผลไม้ Zer0Kcal และนมอัลมอนด์ Better Milk รวมเป็นพอร์ตโฟลิโอสายสุขภาพของพิธีกรคนดังคนนี้