“สก๊อต” หาทางขยายตลาด “รังนก” เพิ่มด้วยการดันสินค้าระดับพรีเมียม ทำการตลาดผ่านแคมเปญ “คอลแลป” กับร้านอาหารไฟน์ไดนิ่ง รังสรรค์เมนูพิเศษเพื่อเจาะเป้าหมายคนรุ่นใหม่ พร้อมกับการเปิด “แฟลกชิปสโตร์” ในศูนย์การค้าเพื่อสื่อสารแนะนำสินค้ากับผู้บริโภคได้โดยตรงและเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยว คาดตลาดรังนกปีนี้เติบโต 5%
“อรวดี สวัสดิ์พาณิชย์” ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท สก๊อต อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยแผนการตลาดในปีนี้ของสินค้า “รังนก” สก๊อตว่า ปีนี้เป็นปีแรกที่บริษัทมุ่งดันสินค้ากลุ่ม “พรีเมียม” อย่างเต็มที่ เพื่อเพิ่มโอกาสในการขายรังนกได้มากขึ้น
โดยปัจจุบันยอดขายมากกว่า 90% ของสก๊อตรังนกยังมาจากเครื่องดื่มรังนกแท้สำเร็จรูปพร้อมดื่ม ซึ่งเป็นสินค้าระดับแมสราคาขวดละประมาณ 150 บาท
ส่วนอีก 10% เป็นสินค้า “พรีเมียม” ซึ่งปัจจุบันมีทั้งหมด 3 ผลิตภัณฑ์หลัก คือ
- เครื่องดื่มรังนกแท้เต็มรัง (สก๊อต รังนกแท้ รอเยล สุพรีม) ราคาขวดละประมาณ 2,000 บาท
- เครื่องดื่มรังนกแท้เส้นยาว (สก๊อต รังนกแท้ โกลด์ ซีเลคชั่น) ราคาขวดละประมาณ 750 บาท
- รังนกแท้อบแห้ง ราคาตั้งแต่แพ็กละ 4,800 – 42,000 บาท
อรวดีกล่าวว่า สินค้ารังนกในกลุ่มพรีเมียมนั้น นอกจากจะเป็นเกรดรังนกคุณภาพสูงพิเศษแล้ว ยังเป็นกลุ่มที่สามารถนำไป “ปรุงอาหาร” ได้ด้วย จึงต้องการผลักดันคุณประโยชน์ส่วนนี้ให้ถึงกลุ่มเป้าหมาย ทั้งกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการตุ๋นรังนกเองที่บ้าน และกลุ่มร้านอาหารต่างๆ ที่สนใจใช้รังนกในการประกอบอาหาร
ทางสก๊อตจึงออกแคมเปญพิเศษเพื่อชูจุดเด่นนี้ด้วยการ “คอลแลป” กับร้านอาหารระดับไฟน์ไดนิ่ง เริ่มร้านแรกไปเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมากับร้าน “Cross” ร้านอาหารสไตล์ฟิวชั่นฝรั่งเศส-จีน สร้างสรรค์คอร์สอาหารพิเศษที่ใช้รังนกเป็นวัตถุดิบ
ถัดมาในเดือนสิงหาคม-กันยายนนี้ สก๊อตร่วมกับร้าน “Man Tables” ร้านอาหารจีนของเชฟแมน รังสรรค์คอร์สอาหารจากรังนกอีกเช่นกัน มีเมนูที่น่าสนใจ เช่น ฮะเก๋ารังนก ปลายัดไส้รังนก พุดดิ้งรังนก เป็นต้น
อรวดีกล่าวว่า การคอลแลปกับร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งถือเป็นการสร้างภาพลักษณ์ให้ “สก๊อต” ดูทันสมัยอยู่เสมอ อีกทั้งยังเข้าถึงคนรุ่นใหม่ในวัยไม่เกิน 30 ปีได้ดีขึ้น เพราะคนรุ่นใหม่ยุคนี้นิยมทานอาหารนอกบ้าน จึงเป็นจุดที่เข้าถึงได้ดีที่สุด โดยที่ผ่านมาคอร์สอาหารของทั้งสองร้านได้รับผลตอบรับที่ดี จึงคาดว่าอาจจะมีการขยายการคอลแลปอีกอย่างต่อเนื่อง
“แฟลกชิปสโตร์” เตรียมบุก “สยามพารากอน”
อรวดีกล่าวต่อว่า อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่จะใช้ในการโปรโมตสินค้าพรีเมียมคือการเปิด “แฟลกชิปสโตร์” ของรังนกสก๊อต ซึ่งเมื่อเดือนกรกฎาคมเริ่มเปิดแห่งแรกแล้วในซูเปอร์มาร์เก็ต Dear Tummy ภายในศูนย์การค้าไอคอนสยาม และภายในเดือนตุลาคมนี้จะเปิดแห่งที่สองในซูเปอร์มาร์เก็ต Gourmet Market ที่สยามพารากอน
เหตุผลที่สก๊อตเปิดแฟลกชิปสโตร์ในศูนย์การค้า เพราะต้องการให้มีจุดพบปะโดยตรงกับผู้บริโภคที่สนใจ สามารถสอบถามและแนะนำสินค้าได้ โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มพรีเมียมที่ต้องการโปรโมตคุณสมบัติความเป็นรังนกแท้จากถ้ำธรรมชาติ 100% ให้มากขึ้น
รวมถึงเลือกเปิดในศูนย์การค้าที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว เพราะต้องการจะเปิดตลาดนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะนักท่องเที่ยว “จีน” ให้สก๊อตรังนกเป็นตัวเลือกของฝากกลับบ้าน
คาดตลาดโต 5% “สก๊อต” ยังครองเบอร์ 1
ด้านภาพรวมตลาด “รังนก” ในเมืองไทย อรวดีให้ข้อมูลว่ามูลค่าตลาดอยู่ที่ประมาณ 2,800 ล้านบาท และสก๊อตเป็นผู้เล่นเบอร์ 1 ครองมาร์เก็ตแชร์ 37%
ขณะที่การเติบโตปีนี้ตลาดน่าจะโตได้ 5% และสก๊อตน่าจะเติบโตสอดคล้องกับตลาด จากความพยายามผลักดันสินค้าระดับพรีเมียม และทำแคมเปญต่างๆ ในปีนี้
- “สก๊อต” จับรังนกออกนอกขวด คอลแลปร้าน Cross ยกระดับสู่ไฟน์ไดนิ่ง
- อินไซต์ตลาด “อาหารเสริม” ขายดีที่สุดใน “กรุงเทพฯ” กลุ่มลูกค้าผู้ใหญ่วัย 50 ปี+ เติบโตสูง
ในแง่พฤติกรรมผู้บริโภค อรวดีกล่าวว่า 50% ของยอดขายมาจากการซื้อเป็นของฝากตามเทศกาลต่างๆ เช่น ตรุษจีน สงกรานต์ ปีใหม่ วันพ่อ วันแม่ เกษียณอายุ เยี่ยมไข้ และ 50% เป็นกลุ่มที่ซื้อเพื่อรับประทานเป็นประจำ และกลุ่มนี้คือกลุ่มที่ต้องการเพิ่มดีมานด์ให้มากขึ้น
สำหรับ บริษัท สก๊อต อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด มีรายได้หลัก 50% มาจากผลิตภัณฑ์ “รังนก” ส่วนอีก 50% เป็นผลิตภัณฑ์กลุ่มอื่น ได้แก่ สก๊อตซุปไก่สกัด, สก๊อตซุปไก่เด็ก, สก๊อต เพียวเร่ ผลไม้สกัดเข้มข้น และสก๊อต คอลลาเจน