ครั้งแรกในรอบ 25 ปีที่ “บู๊ทส์” จัดโปรฯ “ซิกเนเจอร์ แคมเปญ” ซื้อ 1 แถม 1 สู้ศึกเศรษฐกิจฝืด

Boots บู๊ทส์
  • ตลอด 25 ปีของ “บู๊ทส์” ในประเทศไทย นี่เป็นครั้งแรกที่มี “ซิกเนเจอร์ แคมเปญ” จัดโปรโมชันต่อเนื่องทุกปี โดยเลือกจัดแบบ “1 แถม 1” คละได้ เพื่อตอบโจทย์คนไทยในยุคเศรษฐกิจฝืด ต้องการโปรฯ แรงช่วยกระตุ้น
  • ผลจากการจัดแคมเปญ ทำให้บู๊ทส์มียอดขายเพิ่มแบบ “ดับเบิลดิจิต” ทุกครั้งที่มีโปรโมชัน
  • อัปเดตพฤติกรรมลูกค้าหลังโควิด-19 กลุ่มสินค้า “วิตามิน-อาหารเสริม” ขายดีต่อเนื่อง คนไทยหันมาป้องกันก่อนเจ็บป่วย และทานอาหารเสริมความงาม

“บู๊ทส์” (Boots) เป็นดรักสโตร์จากอังกฤษที่เข้ามาดำเนินธุรกิจในไทยนานถึง 25 ปี ปัจจุบันมี 240 สาขาทั่วประเทศ ท่ามกลางการแข่งขันในตลาดรีเทลที่ขายสินค้าประเภทสุขภาพและความงาม และภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทาย ทำให้บู๊ทส์ต้องหันมาทำการตลาดชัดเจนยิ่งขึ้น

“อรพรรณ พงศ์พานิช” Head of Customer Experience บู๊ทส์ รีเทล ประเทศไทย เปิดเผยความเคลื่อนไหวทางการตลาดของบู๊ทส์ เริ่มมีการจัด “ซิกเนเจอร์ แคมเปญ” ด้วยกลยุทธ์ “บู๊ทส์ มิกซ์แอนด์แมทช์ 1 แถม 1 คละได้” เริ่มครั้งแรกเมื่อเดือนธันวาคม 2564 จนถึงรอบล่าสุดนี้มีการจัดเป็นครั้งที่ 5

แคมเปญนี้ถือเป็นการจัดซิกเนเจอร์ แคมเปญที่มีการโฆษณาทำการตลาดอย่างต่อเนื่องทุกปีเป็นครั้งแรกของบู๊ทส์ นับตั้งแต่เริ่มบุกตลาดประเทศไทย

บู๊ทส์
“อรพรรณ พงศ์พานิช” Head of Customer Experience บู๊ทส์ รีเทล ประเทศไทย

เหตุที่ต้องเริ่มมีซิกเนเจอร์ แคมเปญ มากกว่าแคมเปญลดราคาทั่วไปที่มักจะมีเกือบทุกเดือน เพราะช่วงโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจฝืด และลูกค้าต้องการโปรโมชันมากขึ้น ถือเป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจซื้อ ขณะที่ตลาดก็แข่งกันแรง ทุกร้านต่างอัดโปรโมชันในระยะนี้

บู๊ทส์จึงศึกษาตลาดและตัดสินใจเลือกโปรฯ “1 แถม 1” แต่ให้มากกว่าโปรฯ ทั่วไปคือลูกค้าสามารถ “คละสินค้า” ได้อย่างอิสระในกลุ่มสินค้ากว่า 1,200 รายการที่นำมาจัดโปรฯ ครอบคลุมทุกหมวดไม่ว่าจะเป็นวิตามิน อาหารเสริม สกินแคร์ ของใช้ส่วนตัว ฯลฯ

 

ยอดขายโต “ดับเบิลดิจิต” ในช่วงโปรฯ

อรพรรณกล่าวต่อว่า หลังจัดโปรฯ 1 แถม 1 ไปพบว่าแคมเปญประสบผลสำเร็จ เพราะในครั้งแรกที่จัดทำให้บู๊ทส์มียอดขายและทราฟฟิกลูกค้าเข้าร้านเพิ่มขึ้นจากช่วงปกติ 2 เท่า หลังจากนั้นในครั้งต่อๆ มา ยอดขายในช่วงมีโปรฯ จะเพิ่มขึ้นแบบ “ดับเบิลดิจิต” เทียบกับช่วงปกติ

บู๊ทส์
โปรโมชัน 1 แถม 1 มิกซ์แอนด์แมทช์

เมื่อรวมทั้งปี 2565 แล้ว บู๊ทส์ทำยอดขายได้สูงกว่าตลาดรวม โดยข้อมูลจากนีลเส็นระบุว่า ตลาดรีเทลที่มีมูลค่ากว่า 1.21 แสนล้านบาทนั้นเมื่อปีก่อนเติบโต 10%

สำหรับปี 2566 บู๊ทส์จะจัดซิกเนเจอร์ แคมเปญ 1 แถม 1 ต่อเนื่อง โดยเฉลี่ยจะจัดทุกไตรมาส และเลือกจัดในช่วงสิ้นเดือนต่อต้นเดือนต่อไป เพื่อให้ตรงกับรอบการช้อปปิ้งช่วงเงินเดือนออกของผู้บริโภค

อรพรรณเชื่อว่าด้วยแคมเปญนี้จะยังดันให้บู๊ทส์โตได้มากกว่าตลาดอีกครั้ง โดยข้อมูลจาก SCB EIC คาดการณ์ว่าตลาดรีเทลปีนี้จะเติบโต 9% และเฉพาะตลาดรีเทลกลุ่มสุขภาพและบิวตี้จะโต 13%

 

“วิตามิน-อาหารเสริม” ฮิตสุดขีด

แม้ว่าเศรษฐกิจจะไม่สู้ดีนัก แต่เทรนด์ที่ช่วยผลักดันให้รีเทลสายสุขภาพและบิวตี้ขายดี คือเทรนด์การบริโภควิตามินและอาหารเสริมของคนไทย

“ตั้งแต่เกิดโควิด-19 ทำให้คนไทยหันมาทานวิตามินเพื่อป้องกันก่อนเจ็บป่วยกันมากขึ้น และสนใจการทานอาหารเสริมเพื่อผลด้านความงาม ขณะเดียวกันบริษัทผู้ผลิตก็จับเทรนด์เหล่านี้ พัฒนาสินค้าที่หลากหลาย ตอบโจทย์ที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น จึงทำให้ตลาดเติบโตรวดเร็ว” อรพรรณกล่าว

บู๊ทส์

ข้อมูลจากนีลเส็นสอดคล้องตรงกัน โดยสำรวจเมื่อปี 2565 พบว่า 84% ของคนไทยมีการซื้อสินค้ากลุ่มสุขภาพและความงาม ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ถึง 229%

ในร้านบู๊ทส์นั้น จะมีสินค้า 3 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มสุขภาพ เช่น วิตามิน อาหารเสริม, กลุ่มบิวตี้ เช่น สกินแคร์ เวชสำอาง และกลุ่มของใช้ส่วนตัว เช่น ผลิตภัณฑ์อาบน้ำ ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับช่องปาก

เมื่อเทรนด์สุขภาพมาแรงจึงทำให้บู๊ทส์ได้อานิสงส์ จนปัจจุบันสินค้ากลุ่มสุขภาพขึ้นมาทำยอดขายอันดับ 1 ของร้าน มีสินค้าสำคัญที่เป็นแม่เหล็กดึงลูกค้าได้ดี เช่น วิตามินซี บู๊ทส์ ซึ่งเป็นเฮาส์แบรนด์ของร้านเอง

 

สู้ด้วย “ความน่าเชื่อถือ” ผู้บริโภคไว้ใจ

ตลาดดรักสโตร์นั้นแข่งขันสูงขึ้นมากในระยะหลังเพราะมีเจ้าใหม่ๆ เข้ามาลุยตลาด โดยเฉพาะเจ้าที่มาพร้อมกับพื้นที่ขายของตนเอง เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ต ไฮเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ ซึ่งทำให้ได้เปรียบมากในแง่ทำเลการขาย สะดวกต่อผู้ซื้อ

อย่างไรก็ตาม อรพรรณมองว่าบู๊ทส์ยังมี “แต้มต่อ” ในหลายๆ ด้าน เช่น การเป็นแบรนด์ที่ “น่าเชื่อถือ” ในสายตาผู้บริโภค, มีเภสัชกรที่เป็นมิตร สามารถให้คำปรึกษาได้ดีทั้งหน้าร้านและออนไลน์, เป็นร้านที่มีเวชสำอางให้เลือกหลากหลายยี่ห้อ, มีเอ็กซ์คลูซีฟแบรนด์จากอังกฤษที่ลูกค้าเลือกใช้ เช่น No 7, Soap & Glory, Ted Baker

เหล่านี้น่าจะเป็นจุดแข็งที่ส่งให้ลูกค้าเลือกบู๊ทส์มากกว่าร้านใหม่ๆ ที่เข้ามา!

 

ข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับ “บู๊ทส์ ประเทศไทย”

  • บู๊ทส์มี 5 สาขาแฟลกชิปสโตร์ ได้แก่ เซ็นทรัลเวิลด์, สยามพารากอน, เอ็มควอเทียร์, เอ็มโพเรียม และสามย่านมิตรทาวน์
  • ร้านแต่ละสาขาจะจัดส่วนผสมประเภทสินค้าในร้านไม่เหมือนกัน โดยแบ่งคร่าวๆ เป็น 2 แบบ คือ “Healthcare Lead” สาขาที่เน้นสินค้าสุขภาพ และ “Beauty Care Lead” สาขาที่เน้นสินค้าบิวตี้
  • กลุ่มเป้าหมายหลักของร้านคือ กลุ่มผู้หญิงเจนเอ็กซ์จนถึงเจนวาย แต่มีสินค้าสำหรับทุกเพศทุกวัย เพราะผู้หญิงกลุ่มนี้มักจะเป็นผู้ซื้อของใช้ให้กับทั้งครอบครัว
  • ปัจจุบัน บู๊ทส์ ประเทศไทย เป็นประเทศที่ทำยอดขายอันดับ 1 ของบู๊ทส์ในภูมิภาคเอเชีย ทั้งนี้ ในเอเชียมีร้านบู๊ทส์อยู่ในไทย อินโดนีเซีย และกลุ่มตะวันออกกลางอย่าง คูเวต UAE กาตาร์ ซาอุดิอาระเบีย บาห์เรน โอมาน