ฟุตบอล กลายเป็นธุรกิจยามว่างใหม่ล่าสุดของ วิชัย รักศรีอักษร ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท คิงเพาเวอร์ กับครอบครัว ที่เขาได้ยืนยันต่อหน้าสื่อมวลชนที่มาร่วมงานแถลงข่าวการซื้อทีมเลสเตอร์ ซิตี้ ทีมในลีกเดอะ แชมเปี้ยนชิพของอังกฤษ ซึ่งปีที่แล้วแสดงผลงานได้ดีจนเกือบได้เลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีก ว่า ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น
เพราะดีลนี้เกิดจากความต้องการส่วนตัว ที่พ่วงผลประโยชน์ทางธุรกิจของคิง เพาเวอร์เข้าไปด้วย
วิชัย ได้ประกาศอย่างชัดเจนว่าเขาใช้เงินส่วนตัวในการเข้าซื้อหุ้นจากมิลาน แมนดาริช แชร์แมนคนเก่าวัย 71 ปีทั้ง 100% หลังจากใช้ระยะเวลาคุยกับทางมิลานเพียงครึ่งชั่วโมงก็สามารถจบดีลได้ และกำลังเตรียมแบ่งขายหุ้น 49% ให้กับนักลงทุนในเอเชียที่สนใจ
แม้เหตุผลหลักในการตัดสินใจซื้อ คือความชื่นชอบที่มีต่อกีฬาฟุตบอล ซึ่งรองจากกีฬาขี่ม้าโปโล ซึ่งวิชัยเป็นทั้งผู้สนับสนุนคนสำคัญ ที่ได้ทุ่มงบหลายร้อยล้านบาทไปกับการสร้างสนามและพัฒนานักกีฬา และยังเป็นผู้เล่นคนหนึ่งในทีมพร้อมกับลูกชาย ที่ได้มีโอกาสไปแข่งกับทางทีมอังกฤษ ที่มีเจ้าชายวิลเลี่ยมและเจ้าชายแฮร์รี่ร่วมอยู่ในทีม
แต่เมื่อถามถึงข้อได้เปรียบที่คิงเพาเวอร์จะได้รับในแง่ของการ Branding อัยวัฒน์ รักศรีอักษร ลูกชายคนโตที่จะดำรงตำแหน่งประธานสโมสรได้ตอบแทนว่า
ในส่วนของการสร้างแบรนด์ คิงเพาเวอร์ ได้ประโยชน์จากเต็มที่ หลังจากการเข้าซื้อครั้งนี้ ครอบคลุมถึงการเป็นสปอนเซอร์บนหน้าอกเสื้อของทีมซึ่งกินระยะเวลาถึง 3 ปี
รวมทั้งหลังจากเดือนธันวาคมนี้เป็นต้นไป ชื่อของสนามซึ่งไว้สำหรับแมตช์เหย้าของทีมก็กำลังจะเปลี่ยนจาก Walkers Stadium เป็น King Power Stadium ซึ่งวิชัยเองก็ยืนยันว่า จากการที่เคยเป็นสปอนเซอร์ให้กับทีมเชลซีในรูปแบบป้ายข้างสนามตลอด 5 – 6 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้คนอังกฤษรู้จักแบรนด์คิงเพาเวอร์มากขึ้น และกลายเป็นลูกค้าอันดับสองของดิวตี้ฟรี รองจากคนไทย
อย่างไรก็ตาม วิชัยยังยืนยันว่า ไม่อยากมองให้ดีลนี้เป็นเรื่องทางธุรกิจมากนัก เพราะการเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลไม่ใช่การลงทุนที่สร้างเม็ดเงินตอบแทนอย่างมหาศาล
และทีมฟุตบอล ไม่สามารถทำเป็นธุรกิจหลักได้ เจ้าของทีมฟุตบอลในอังกฤษส่วนใหญ่ จึงล้วนมีธุรกิจอื่นที่สร้างกำไรมหาศาลรองรับทั้งสิ้น แต่วิชัยเองก็มีแนวทางในการสร้างรายได้แม้จะไม่มากเท่ากับธุรกิจดิวตี้ฟรีก็ตาม
จากการเปิดเผยเบื้องต้น วิชัยกำลังมองลู่ทางในการจัดตั้งเอเย่นต์สำหรับนักกีฬาขึ้นมา เพื่อจัดหานักเตะที่มีศักยภาพให้กับทีมเลสเตอร์ ซิตี้ และทีมอื่นๆ หากเป็นไปได้ โดยใช้เครือข่ายทางธุรกิจที่มีอยู่ในประเทศอังกฤษและที่อื่นๆ ให้เป็นประโยชน์
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจเสริมในกีฬาฟุตบอลของเขายังไม่ได้เป็นรูปเป็นร่างในฤดูกาลนี้
เพราะสิ่งที่สำคัญตอนนี้ ความตั้งใจของเขาที่มีต่อทีมเลสเตอร์ ซิตี้ ไม่ใช่แค่พาทีมเลื่อนชั้นได้ในฤดูกาลหน้าแล้วตัดสินใจขาย แต่ต้องการที่จะพัฒนาทีมจิ้งจอกสีฟ้าในระยะยาว ซึ่งนักลงทุนที่เขากำลังมองหาให้มาร่วมเป็นพาร์ตเนอร์ด้วยนั้น ก็ต้องมีความเห็นตรงกับวิชัยในจุดนี้ด้วย เขาถึงจะยอมขายหุ้นให้
โดยคาดว่า เม็ดเงินที่ได้จากการขายหุ้นน่าจะนำมาลงทุนในส่วนของอคาเดมี่ (ศูนย์ฝึกอบรม) ที่มีแผนจะจัดตั้งขึ้นภายใต้บริษัท Asian Football Investment ซึ่งในเบื้องต้นต้องใช้เม็ดเงินอีกหลายร้อยล้านบาท และน่าจะใช้ที่ดินบริเวณบางบ่อ หรือสุวรรณภูมิที่อยู่ในมือของวิชัยเป็นสถานที่ตั้ง
นี่เป็นการต่อยอดจากการเป็นเจ้าของทีมฟุตบอล ที่น่าจะสร้างผลตอบแทนกลับมาได้บ้าง เพราะนี่ไม่ใช่แค่ศูนย์ฝึกอบรม แต่จะเป็นเหมือนเอเย่นต์ขนาดย่อม ที่พร้อมผลักดันนักเตะที่มีทักษะฝีมือที่เข้าตาสู่สังเวียนแข้งในอังกฤษ ซึ่งกำลังเปิดรับนักเตะจากเอเชียมากขึ้นเรื่อยๆ