เป็นธรรมดาที่เมื่อเราต้องติดอยู่ที่บ้านเป็นเวลาหนึ่งปี เราอาจจะเบื่อที่จะจ้องมองโซฟาตัวเดิม ๆ และเฟอร์นิเจอร์เดิม ๆ ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมช่วงคลายล็อกดาวน์ของไทย จึงมีคนแห่ไป ‘อิเกีย’ กัน เช่นเดียวกับสหรัฐฯ ในช่วงวันหยุดปลายปีนี้ที่ทำให้เฟอร์นิเจอร์และสินค้าปรับปรุงบ้านเป็นสินค้าขายดีจนช่วยดันยอดค้าปลีกสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 3%
เทศกาลช้อปปิ้งช่วงวันหยุดที่ขยายตัวในปีนี้ตามรายงานของ Mastercard (MA) SpendingPulse โดยระบุว่ายอดขายสินค้าออนไลน์เพิ่มขึ้นถึง 49% ระหว่างวันที่ 11 ตุลาคมถึง 24 ธันวาคม ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่าการระบาดของโรค COVID-19 ได้เปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อไปแล้ว
โดยในช่วงเทศกาลวันหยุดที่ยาวนาน ซึ่งเริ่มต้นด้วย Amazon Prime Day ที่มาช้ากว่าเดิม ทำให้มีผู้ค้าปลีกหลายรายเสนอข้อเสนอพิเศษและโปรโมชันเพื่อจูงใจให้ลูกค้าทำการซื้อเพื่อรับประกันว่าสินค้าจะถึงตรงเวลาในช่วงวันหยุด อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นของโปรโมชันในการช้อปปิ้งและการจัดส่งของร้านค้าทำให้ผู้ซื้อในนาทีสุดท้ายลดลงจากปีก่อน รายงานพบว่ายอดขายการช้อปปิ้งออนไลน์คิดเป็น 19.7% ของยอดค้าปลีกทั้งหมด และ Black Friday ถือเป็นวันที่มีการใช้จ่ายสูงสุดของฤดูกาล
“ยอดขายที่เพิ่มขึ้นเป็นข้อพิสูจน์ถึงช่วงเทศกาลวันหยุดและความแข็งแกร่งของร้านค้าปลีกและผู้บริโภค” Steve Sadove ที่ปรึกษาอาวุโสของ Mastercard และอดีตซีอีโอและประธานของ Saks Incorporated กล่าว
ยอดขายอีคอมเมิร์ซเติบโตขึ้น โดยยอดขายเครื่องแต่งกายพุ่งขึ้น 15.7% ยอดขายเฟอร์นิเจอร์และเครื่องตกแต่งเพิ่มขึ้น 6.2% ในขณะที่การใช้จ่ายในการปรับปรุงบ้านเพิ่มขึ้น 14.1% ยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องใช้ไฟฟ้าตามมาด้วย โดยเพิ่มขึ้น 6% ในขณะเดียวกันห้างสรรพสินค้าและแบรนด์เครื่องแต่งกายมียอดขายลดลง 10.2% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากการจับจ่ายที่เปลี่ยนไปจากการระบาดของโรค ซึ่งทำให้ร้านค้าจำนวนมากมีหนี้สินจำนวนมาก
การจับจ่ายในช่วงวันหยุดเน้นย้ำว่าผลกระทบของการระบาดของ COVID-19 ได้ส่งต่อผลกิจกรรมภายนอก โดยได้ผลักดันให้ผู้ซื้อตัดสินใจซื้อสินค้าที่เหมาะสมกับภายในและใช้เวลาที่บ้านมากขึ้นอย่างไรบ้าง