“เวียดนาม” ตั้งเป้าประชากรจะต้องมีรายได้ต่อปี 5,000 ดอลลาร์ ภายในปี 2568

Photo : Shutterstock
ในอีก 4 ปีข้างหน้า เวียดนามมุ่งมั่นที่จะทำให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ที่ 7% และรายได้เฉลี่ยต่อคนของประชากรในประเทศอยู่ที่ 5,000 ดอลลาร์ต่อปี จากเดิมในปี 2563 อยู่ที่ประมาณ 2,750 ดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าปี 2558 ที่ 2,109 ดอลลาร์ เกือบ 1.3 เท่า

รัฐมนตรีช่วยกระทรวงวางแผนและการลงทุนเวียดนามระบุว่า ในอีก 4 ปีข้างหน้า ประเทศควรมุ่งเน้นการลงทุนในภาคส่วนสำคัญและโครงการที่มีความสำคัญระดับชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงสร้างพื้นฐาน การคมนาคมขนส่ง พลังงาน การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล การพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และนวัตกรรม

ภายในปี 2568 เวียดนามคาดว่าโครงการสำคัญต่างๆ ของประเทศจะเสร็จสมบูรณ์ เช่น ทางด่วนสายเหนือ-ใต้ทั้งโครงการ และการก่อสร้างสนามบินนานาชาติลองแถ่งเฟสแรก ที่คาดว่าจะช่วยลดความแออัดของสนามบินเติ่นเซินเญิตในนครโฮจิมินห์ในปัจจุบัน

ตามเมืองใหญ่ต่างๆ ของประเทศ กระทรวงต้องการการลงทุนที่มุ่งเน้นการเร่งดำเนินการโครงการรถไฟในกรุงฮานอยและนครโฮจิมินห์ ถนนวงแหวน และโครงการบำบัดของเสีย

รองประธานรัฐสภาเวียดนามกล่าวว่า ในช่วงปี 2564-2568 จะมีความแตกต่างอย่างมากจากช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในปี 2564 จะมีความยากลำบากยิ่งขึ้นเนื่องจากวิกฤติการระบาดของ COVID-19 ที่มีแนวโน้มว่าจะยังไม่คลี่คลายลงก่อนกลางปี 2564

(Photo by Linh Pham/Getty Images)

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเหวียน ซวน ฟุ้ก ยังแสดงความหวังว่าเวียดนามจะกลายเป็นประเทศที่มีรายได้สูงภายในปี 2588 และหวังว่าในอีกไม่ช้าเวียดนามจะสามารถเลื่อนชั้นเป็นประเทศรายได้ปานกลางระดับสูง ที่มีรายได้ประชาชาติต่อหัวต่อปีอยู่ระหว่าง 3,996-12,375 ดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม สำหรับเมืองหลวงของประเทศอย่าง “กรุงฮานอย” ก็ตั้งเป้าหมายระยะยาวที่จะเพิ่มรายได้เฉลี่ยต่อคนของชาวเมืองเป็น 8,500 ดอลลาร์ต่อปีภายในปี 2568 ก่อนก้าวขึ้นเป็นเมืองระดับโลกในปี 2588 ด้วยรายได้ 36,000 ดอลลาร์

หัวหน้าคณะกรรมาธิการเพื่อการศึกษาและสารสนเทศของคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์กรุงฮานอย กล่าวว่า ภายในปี 2573 กรุงฮานอยจะกลายเป็นเมืองอัจฉริยะ ทันสมัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ในช่วงปี 2564-2568 กรุงฮานอยจะยังลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ สังคม และการขนส่ง และเทคโนโลยีสารสนเทศ นอกจากนี้จะพยายามปรับปรุงคุณภาพของทรัพยากรมนุษย์ และเปลี่ยนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้กลายเป็นหัวหอกของเศรษฐกิจดิจิทัล

ในฝั่งของนครโฮจิมินห์ ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศ มีความมุ่งมั่นที่จะกลายเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การเงิน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายในปี 2573 และระหว่างปี 2564-2568 เมืองจะพยายามทุกวิถีทางที่จะเปลี่ยนตัวเองให้เป็นสมาร์ทซิตี้ภายในปี 2568

นอกจากนี้ นครโฮจิมินห์ยังตั้งเป้าหมายที่จะกลายเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและการเงินของเอเชียภายในปี 2588 และเพิ่มรายได้เฉลี่ยต่อคนของชาวเมืองเป็น 40,000 ดอลลาร์ด้วย

Source