

จุดกำเนิด TOT และ CAT
ย้อนไปที่จุดกำเนิดของทั้ง 2 บริษัทกันดู โดยเริ่มจาก บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) (TOT Public Company Limited) เป็นรัฐวิสาหกิจประเภทสื่อสารโทรคมนาคมในสังกัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยทีโอทีนั้นได้แปรรูปมาจาก องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย ซึ่งก่อตั้งเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2497 ปัจจุบัน ทีโอที ได้ดำเนินกิจการเกี่ยวกับโทรศัพท์และการสื่อสารมาเป็นระยะเวลา 67 ปี โดยทำหน้าที่ให้บริการสื่อสารโทรคมนาคมทุกประเภททั้งในและระหว่างประเทศ ผ่านบริการต่าง ๆ ทั้งทางสายโทรศัพท์ อินเทอร์เน็ต โทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งประกอบด้วยใบอนุญาตแบบที่ 3 (ที่มีโครงข่ายของตนเองเพื่อให้เช่าใช้)ส่วน ‘บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน)’ หรือ ‘CAT Telecom Public Company Limited’ ก็เป็นรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมในรูปบริษัทมหาชน โดยเกิดจากการแปรรูปรัฐวิสาหกิจในกิจการโทรคมนาคมของการสื่อสารแห่งประเทศไทย (ก.ส.ท.) ที่ก่อตั้งเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2519 ที่ดำเนินธุรกิจด้านการสื่อสารโทรคมนาคมทั้งในและระหว่างประเทศ และในอดีตยังทำหน้าที่ให้บริการกิจการไปรษณีย์เพิ่มด้วย แต่หลังจากที่แปรรูปรัฐวิสาหกิจจึงได้แยกกิจการไปรษณีย์ออกจากกัน โดยกิจการไปรษณีย์ได้จัดตั้งเป็นบริษัทใหม่ในชื่อ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ส่วนกิจการโทรคมนาคมได้แปลงสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัดในชื่อ กสท โทรคมนาคมในปัจจุบัน

18 ปีแห่งความพยายามสู่ ‘NT’
จริง ๆ เรื่องการควบรวมของ TOT และ CAT เป็นอะไรที่ดำเนินการมานาน โดยนโยบายเริ่มต้นเมื่อปี 2545 แต่ที่ไม่สำเร็จเพราะถูกคัดค้านอย่างหนักจากสหภาพแรงงานของทั้ง 2 แห่ง อย่างไรก็ตาม หลังจากที่หารือร่วมระหว่างผู้บริหาร และสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจของทั้ง 2 แห่ง เพื่อให้ได้ข้อสรุปใน 3 เรื่องสำคัญ คือ 1.แผนบริหารจัดการบุคลากร 2.สินทรัพย์และหนี้สิน และ 3.สัญญา และสัมปทานต่าง ๆ เพื่อให้มีความชัดเจนและไม่เกิดผลกระทบ จนในวันที่ 14 มกราคม 2563 ครม. ก็มีมติอนุมัติให้ TOT และ CAT ควบรวม โดยเปลี่ยนเป็น ‘บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน)’ หรือ ‘NT’
แน่นอนว่าการควบรวม 2 บริษัทไม่ใช่เรื่องง่าย แถมยังมีการระบาดของ COVID-19 อีก ดังนั้นเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2563 คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติขยายเวลาดำเนินการควบรวมให้อีก 6 เดือน จนมาควบรวมสำเร็จเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา ถือว่าสามารถดำเนินการได้ทันตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด โดยบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT ยังคงมีฐานะเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจภายใต้สังกัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มีกระทรวงการคลังถือหุ้นทั้งหมด

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส)
ควบรวมแล้วได้อะไร ?
2 บริษัทให้บริการด้านการสื่อสารโทรคมนาคมเหมือนกัน ซึ่งแปลว่ามีการทำงานที่ถือว่าทับซ้อนกันรวมไปถึงการลงทุน หากอ้างอิงจากข้อมูลปี 2562 TOT มีสินทรัพย์ที่สำคัญ ได้แก่ โครงข่ายเคเบิลใยแก้วนำแสง 1.5 ล้านคอลต่อกิโมเลตร, โครงการเคเบิลใต้น้ำ 2 ระบบ, ท่อร้อยสายใต้ดิน 32,173 ไมโครดักส์ต่อกิโลเมตร, เสาโทรคมนาคม 13,445 ต้น, ศูนย์ข้อมูล 4 แห่ง และมีพนักงานทั้งหมด 13,026 คนส่วน CAT มีสินทรัพย์ที่สำคัญ ได้แก่ โครงการเคเบิลใต้น้ำ 6 ระบบ อยู่ระหว่างสร้าง 1 ระบบ, โครงการเคเบิลใยแแก้วนำแสง 0.7 ล้านคอลต่อกิโลเมตร, เสาโทรคมนาคม 18,159 ต้น, ท่อร้อยสาย 5,677 ไมโครดักส์ต่อกิโลเมตร และศูนย์ข้อมูล 9 แห่ง และพนักงาน 5,117 คน
จะเห็นว่ามีหลายส่วนที่ทั้ง 2 บริษัทลงทุนซ้ำซ้อนกันอยู่ ไม่ว่าจะท่อร้อยสายใต้ดิน, โครงการเคเบิลใต้น้ำ และศูนย์ข้อมูล ซึ่งถ้ารวมกันแล้ว ‘สังวรณ์ พุ่มเทียน’ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ CAT ได้เคยให้สัมภาษณ์กับประชาชาติว่า แผนที่เสนอมีความชัดเจนมากว่าการควบรวมจะช่วยให้รัฐประหยัดเงินลงทุนตั้งแต่ปี 2562-2570 ได้ถึง 1,137 ล้านบาท เพราะไม่ต้องลงทุนซ้ำซ้อน ก่อให้เกิดกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 33%

ขึ้นเบอร์ 3 แซง Dtac
หนึ่งในสิ่งที่น่าจับตาคือ การขึ้นเป็น ‘เบอร์ 3’ ในตลาดโทรคมนาคมไทย เพราะเมื่อนำผลประกอบการของทั้ง 2 บริษัท อ้างอิงจากข้อมูลปี 2562 พบว่า TOT มีทรัพย์สินรวม 142,352 ล้านบาท มีรายได้รวม 67,847 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,896 ล้านบาท ส่วน CAT มีสินทรัพย์รวม 132,915 ล้านบาท รายได้รวม 87,533 ล้านบาท กำไรสุทธิ 28,025 ล้านบาท เมื่อรวมกันแล้วมูลค่าบริษัทของ NT สามารทถทะยานสู่ระดับ 3 แสนล้าน โดยมีรายได้รวม 155,380 ล้านบาท และมีกำไร 30,921 ล้านบาทเลยทีเดียว ซึ่งเมื่อเทียบกับผู้เล่นเบอร์ 3 ในตลาดอย่าง Dtac ที่ในปี 2562 มีรายได้ 81,228 ล้านบาท กำไร 5,422 ล้านบาท นั่นแสดงให้เห็นว่ารายได้ของ NT ได้แซงผู้เล่นเบอร์ 3 ของตลาดไปแล้ว

Photo : Shutterstock
จับตากลยุทธ์โกยลูกค้า
ทั้งนี้ หากพิจารณาจากบริการด้านโทรคมนาคมเหมือนกับคู่แข่งในตลาดรายอื่น ๆ อย่างบริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง, บริการโทรศัพท์มือถือของทั้ง TOT และ CAT รวมกันยังสู้ทั้ง 3 รายใหญ่ที่ทิ้งห่างไปไกลมากแล้ว โดยลูกค้าตลาดโมบายของ TOT Mobile มีอยู่ 1.8 แสนราย ส่วน My By CAT อยู่ที่ 2.5 ล้านราย เมื่อนำมาบริหารจัดการร่วมกันในฐานะ NT จะมีฐานลูกค้าอยู่ที่ 2.68 ล้านราย ส่วน อินเตอร์เน็ตบ้าน TOT มีลูกค้าประมาณ 1.5 ล้านราย ส่วน CAT มีเพียง 2 แสนราย รวมกันไม่ถึง 2 ล้านราย แม้ว่า TOT จะถือว่าเป็นผู้เล่นเบอร์ต้นในตลาดเน็ตบ้าน เเต่ผู้เล่นรายใหม่อย่าง 'AIS' ก็หายใจรดต้นคอมาเเล้ว

ดังนั้น ต้องจับตาดูว่าหลังจากควบรวมจนกลายเป็น NT โดยสมบูรณ์แล้วบริษัทจะนำคลื่นไปต่อยอดการรุกตลาดคอมเมอร์เชียลอย่างไรบ้าง เพราะการควบรวมทำให้มีคลื่นในมือถึง 600 MHz ได้แก่ จาก 6 ย่านความถี่ ได้แก่ 700 MHz, 26 GHz, 850 MHz, 2100 MHz, 2300 MHz และ 900 MHz เป็นรองเพียง AIS ที่มีรวม 1,450 MHz และ Truemove H 1020 MHz ส่วน Dtac ปัจจุบันมี 330 MHz และในส่วนของสาขาให้บริการเมื่อรวมกันทำให้มีถึง 536 แห่งทั่วประเทศ
อย่างไรก็ตาม การเเข่งขันของโอเปอเรเตอร์ทั้ง 3 รายก็ไม่มีใครยอมใคร ทั้งด้านราคาแพ็กเกจ, ประสิทธิภาพของเครือข่าย, สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ แม้กระทั่งเรื่องของคอนเทนต์ก็ไม่มีใครยอมใคร ซึ่งคงเป็นโจทย์หนักของ NT ถ้าอยากจะขึ้นเป็นผู้เล่น Top3 อย่างแท้จริง
Add friend ที่ @Positioningmag
ติดตามผ่านช่องทาง Twitter
Follow @positioningmag