คุมไม่ไหว ‘ญี่ปุ่น’ ปิดประเทศไม่รับชาวต่างชาติ 100% พร้อมขยายภาวะฉุกเฉินอีก 7 จังหวัด

Photo : Shutterstock

เริ่มจะคุมไม่อยู่แล้วสำหรับผู้ติดเชื้อ COVID-19 ในประเทศ ‘ญี่ปุ่น’ เนื่องจากอุณหภูมิที่เย็นลงในฤดูหนาว โดยปัจจุบันมีรายงานผู้ป่วยใหม่ 4,527 ราย ผู้เสียชีวิต 51 ราย ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อรวมในญี่ปุ่นมีเกือบ 300,000 ราย มีผู้เสียชีวิต 4,158 ราย โดยผู้ป่วยมากกว่า 61,500 ราย พักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลทั่วประเทศ

ล่าสุด ญี่ปุ่นได้ประกาศห้ามชาวต่างชาติเข้าประเทศ 100% พร้อมกับขยายภาวะฉุกเฉินในอีก 7 จังหวัด ได้แก่ โอซาก้า, เกียวโต, เฮียวโงะ, ไอจิ, กิฟุ, โทชิงิ และฟุกุโอกะ โดยครอบคลุมเกาะฮอนชูของญี่ปุ่น จากที่ก่อนหน้านี้มีการประกาศภาวะฉุกเฉินสำหรับโตเกียวและจังหวัดใกล้เคียง 3 แห่ง ได้แก่ ชิบะ, ไซตามะ และคานากาวะเมื่อสัปดาห์ที่แล้วจนถึงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ทำให้ปัจจุบันมีทั้งหมด 11 จังหวัดที่อยู่ภายใต้มาตรการภาวะฉุกเฉิน

คำสั่งภาวะฉุกเฉินดังกล่าวสั่งให้บริษัทต่าง ๆ ต้องให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน เพื่อลดจำนวนประชากรในสำนักงานลง 70% ขณะที่ผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบควรหลีกเลี่ยงการออกนอกบ้านที่ไม่จำเป็น และร้านอาหารต้องหยุดให้บริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายในเวลา 19.00 น และปิดในเวลา 20.00 น. นอกจากนี้ยังขอให้สนามกีฬาและความบันเทิงในญี่ปุ่นจำกัดจำนวนผู้เข้าร่วม

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการปิดประเทศห้ามไม่ให้ชาวต่างชาติทั้งหมดเข้าประเทศเป็นการชั่วคราวนั้น ยังไม่ได้ชี้แจงว่าจะมีผลบังคับใช้เมื่อใด

“ฉันหวังว่าผู้คนจะเข้าใจว่านี่เป็นมาตรการที่ขาดไม่ได้ในการที่จะผ่านสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้ เราจะทำทุกอย่างที่จำเป็นต้องทำฉันขอโทษสำหรับความไม่สะดวกที่เกิดขึ้นกับชีวิตของคุณด้วยข้อ จำกัด มากมาย แต่เราต้องเอาชนะสิ่งนี้ให้ได้” โยชิฮิเดะ ซูงะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นกล่าว

โยชิฮิเดะ ซูงะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น

Satoshi Kamayachi แพทย์และสมาชิกของคณะกรรมการที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของรัฐบาลกล่าวกับ TV Asahi ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ CNN หลังจากคำสั่งฉุกเฉินของโตเกียวว่า “มาตรการดังกล่าวไม่เพียงพอที่จะควบคุมการติดเชื้อ เราจำเป็นต้องลดการติดต่อกับมนุษย์ให้มากขึ้น”

ด้าน Kenji Shibuya ผู้อำนวยการสถาบันประชากร สุขภาพที่คิงส์คอลเลจลอนดอนกล่าวเสริมว่า “การตอบสนองของญี่ปุ่นช้าเกินไปและสับสนซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการขาดความเป็นผู้นำและกลยุทธ์ เพราะด้านหนึ่งพวกเขาสนับสนุนให้เดินทางในประเทศและรับประทานอาหารนอกบ้าน แต่ในทางกลับกันพวกเขาขอให้ผู้คนระมัดระวัง”

Source