ศึกเครื่องดื่มวิตามินซี 200% โตเเรงจัด…ค่ายใหญ่รุม “งัดทีเด็ด” ชิงตลาด


เเม้ตลาดเครื่องดื่ม เจอมรสุมโรคระบาดจนถึงขั้นติดลบ เเต่ “เครื่องดื่มวิตามินซี” กลับเติบโตพุ่งสวนกระเเส ค่ายบิ๊กเนมกระจายความเสี่ยง ทยอยเเตกไลน์สินค้าใหม่ ลงเเข่งในตลาดอันหอมหวานกันถ้วนหน้า ทำให้ผู้บริโภคอย่างเราๆ มี “ตัวเลือก” ที่หลากหลายมากขึ้น 

ต้องบอกว่า ความนิยมของกลุ่มเครื่องดื่ม “Functional Drinks” เพิ่มขึ้นอย่างน่าสนใจในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เป็นตัวชูโรงของธุรกิจนอน-เเอลกอฮอล์ในอนาคต ยิ่งตอนนี้กระเเสฮอตฮิตมากกว่าเดิม เมื่อผู้คนทั่วโลกตื่นตัวหันมาดูเเลสุขภาพ

โดยครึ่งปีแรกของปี 2020 ตลาดรวมของเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลดริ้งค์ เติบโตกว่า 13% ด้วยมูลค่า 6,500 ล้านบาท ท่ามกลางสถานการณ์ตลาดเครื่องดื่มรวมที่ซบเซา

ปัจจัยหลักๆ ที่สนับสนุนการเติบโตนี้ คือ พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผู้คนตัดสินใจเลือกซื้อเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เเละ“วิตามินซี” ก็เป็นทางเลือกที่ดี

“วิตามินซี” เป็นที่รู้จักที่สุดในหมวดเครื่องดื่ม Functional Drinks เพราะอยู่ใกล้ตัวเราเเละเข้าถึงง่าย คุ้นหูกันตั้งเเต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่ ไม่เเปลกที่เเบรนด์ต่างๆ จะเลือกที่จะทำผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มวิตามินซีออกมาตีตลาด มากกว่าจะไปปั้นเครื่องดื่มวิตามินอื่นๆ ที่ผู้คนรู้จักน้อยกว่าหรือเเทบไม่รู้จักเลย

การที่ “วิตามินซี” มีคุณประโยชน์ช่วยเรื่องความสวยความงาม ผิวพรรณสดใส พร้อมกับสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย บรรเทาอาการหวัด ป้องกันโรคหัวใจเเละหลอดเลือด ต่อต้านอนุมูลอิสระ ดื่มได้ทุกวัน ราคาไม่สูงมากนัก ก็ทำให้เครื่องดื่มวิตามินซีเจาะตลาดนี้ได้ไม่ยาก

ปัจจุบัน เราจึงได้เห็นเครื่องดื่ม “วิตามินซี 200%” วางขายทั่วไปตามเชลฟ์ในร้านสะดวกซื้อ มาดูกันว่า มีเเบรนด์ไหนกำลังติดตลาดไทยกันบ้าง

เครื่องดื่มผสมวิตามินซี 200% คืออะไร…ผู้บริโภคหลายคนอาจจะสงสัย ต้องขยายความก่อนว่า เครื่องดื่มวิตามินซี 200% หรือเครื่องดื่มวิตามินซี 2 เท่า ก็คือ เครื่องดื่มที่ระบุว่ามีปริมาณวิตามินซีต่อขวดเท่ากับ 120 มิลลิกรัม หรือคิดเป็น 2 เท่า (200%) ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน ซึ่งปริมาณวิตามินซีที่แนะนำขั้นต่ำต่อวันก็คือ 60 มิลลิกรัม อ้างอิงจากค่า Thai RDI ซึ่งเป็นค่าปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวันสำหรับคนไทยที่มีอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป

เเต่ละเเบรนด์ก็มีการ “งัดทีเด็ด” เเข่งขันกันเเบบไม่มีใครยอมใคร วันนี้เราจะมารีวิวกันใน 6 เเบรนด์ยอดนิยม ตั้งเเต่ด้านการตลาด ส่วนผสม ราคา รวมไปถึงเรื่องรสชาติ


จุดเด่นเเละกลยุทธ์การตลาด

เริ่มต้นกับ C-vitt จากค่าย “โอสถสภา” วางจำหน่ายมาเเล้ว 8 ปี โปรโมทด้วยจุดเด่นการพัฒนามาจากแบรนด์ญี่ปุ่นเลือกพรีเซ็นเตอร์เป็นนักเเสดงสาวชื่อดังอย่าง “เบลล่า-ราณี แคมเปน” กำลังขยับจากฐานผู้บริโภคกลุ่มผู้หญิงวัย 20-30 ปี ให้เป็น “ตลาดแมส” ทุกเพศ ทุกวัย ดื่มได้ทั้งครอบครัว

ตามมาด้วย VITADAY จากเจนเนอรัล เบฟเวอร์เรจ วางขายเมื่อช่วงต้นปี 2019 ชูจุดเด่นด้วยการใช้วิตามินซีนำเข้าจากประเทศอังกฤษ เน้นเจาะตลาดกลุ่มคนรักสุขภาพรุ่นใหม่ เลือกพรีเซ็นเตอร์คนเเรกเป็นขวัญใจวัยรุ่นที่มีภาพลักษณ์สดใส อย่าง “เต้ย จรินทร์พร จุนเกียรติ”

Double C จากหนองคายเพาเวอร์ดริ๊งก์ เริ่มวางขายเมื่อช่วงต้นปี 2020 ด้วยคอนเซปต์ “A Care You Can Drink” เจาะคนทุกเพศทุกวัยที่ใส่ใจสุขภาพ สร้างการจดจำด้วยขวดที่ใหญ่กว่า พร้อมกระตุ้นการซื้อของผู้บริโภค โดยการใช้กลยุทธ์ชิงโชคใต้ฝา เคยมีการโปรโมทผ่านโซเชียลผ่านอินฟลูเอนเซอร์สายวายระดับท็อปอย่าง “ไบร์ท-วชิรวิชญ์ เเละวิน เมธวิน”

ด้าน Woody C+ Lock เปิดตัวในช่วงต้นปี 2020 ด้วย “ขวดสีเขียว” เเตกต่างจากเจ้าอื่นที่เป็นขวดใส เป็นเเบรนด์จากกลุ่มทุนเครือข่ายคาราบาวแดง ที่ร่วมมือกับ วุฒิธร มิลินทจินดา หรือ“วู้ดดี้” พิธีกรชื่อดัง นำโมเดลการสร้างเเบรนด์เดียวกันกับตอนที่นำคาราวแดงมาตีตลาดคือ “Influencer Marketing” ใช้คาแรกเตอร์เฉพาะของวู้ดดี้ มาโปรโมทเครื่องดื่มสุขภาพเจาะคนรุ่นใหม่ ผ่านโซเชียลมีเดียอย่าง TikTok

ขยับมาที่เเบรนด์  “ไฮ่!” จากค่ายเครื่องดื่มชูกำลังกลุ่ม TCP เปิดตัวเมื่อกลางปี 2020 ที่ผ่านมา วางโพสิชั่นเป็นเครื่องดื่มวิตามินซีสไตล์ญี่ปุ่น เจาะกลุ่มคนรักสวยรักงามโดยตรง ด้วยสโลเเกน “ให้ผิวสวยใส บลิ้งค์ไบรท์ได้ทุกวัน” มีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้หญิงคนรุ่นใหม่ เลือกพรีเซ็นเตอร์เป็นอินฟลูเอนเซอร์สายบิวตี้อย่าง ปั๋น-ดริสา การพจน์ และพริมโรส จินดาวนิช

ต่อมากับ เครื่องดื่มวิตามินวีบูสต์ (V-BOOST) จากยักษ์ใหญ่เครื่องดื่มไทยอย่าง “ไทยดริ้งค์” ในเครือไทยเบฟเวอเรจ ความเคลื่อนไหวนี้ เป็นการตอกย้ำถึง ความจริงจังในวิสัยทัศน์ Passion 2025 สู่เป้าหมายผู้นำธุรกิจเเอลกอฮอล์-นอนแอลกอฮอล์-ธุรกิจอาหารในอาเซียน ให้ได้ภายใน 5 ปีของไทยเบฟฯ

จุดเด่นของ V-BOOST คือเป็นเครื่องดื่มวิตามินซี 200% ที่ผสม “เบต้ากลูแคน” จากสหรัฐฯ รวมทั้งสองอย่างไว้ใน “ขวดเดียว” ตามคอนเซปต์ “ประโยชน์ 2 ต่อ มั่นใจ 2 ขั้น” ดื่มได้ทุกวัน ดูแลตัวเองได้มากขึ้น แคลอรีต่ำเพียง 30 kcal

V-BOOST เน้นทำตลาดทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ เจาะกลุ่มคนรักสุขภาพ “ทุกเพศทุกวัย” ผ่านการเลือกใช้พรีเซนเตอร์เป็น 2 นักกีฬาดังที่สื่อถึงความเเข็งเเรงได้อย่างชัดเจน อย่าง “หน่อง ปลื้มจิตร์ ถินขาว” นักวอลเลย์บอลทีมชาติไทย และ “ต้น นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม” นักฟุตบอลทีมชาติไทย


ส่วนประกอบสำคัญเเละราคาของเเต่ละเเบรนด์

จะเห็นได้ว่าเครื่องดื่มวิตามินซี 200% จะปริมาณวิตามินซีต่อขวดเท่ากันที่ 120 มิลลิกรัม ราคาจะเฉลี่ยอยู่ที่ 15-16 บาท ปริมาณเฉลี่ยอยู่ที่ 140-160 มิลลิลิตร ให้พลังงานเเคลอรี่ตั้งเเต่ 30-45 kcal มีขวดสีสันสดใสเเละใช้กลยุทธ์ตลาดเพื่อดึงดูดการซื้อที่เเตกต่างกันตามที่กล่าวมา

โดยกิมมิคอยู่ที่ส่วนประกอบสำคัญที่เเต่ละเเบรนด์ “เพิ่มเข้าไป” อย่างของ V-BOOST ที่มี เบต้ากลูแคน สารอาหารที่มีงานวิจัยในระดับนานาชาติรับรองว่า สามารถเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกาย กระตุ้นให้เม็ดเลือดขาวเเข็งเเรง ลดระดับคอเลสเตอรอลและน้ำตาลในเลือด ช่วยเรื่องของระบบทางเดินอาหารและการขับถ่าย เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ชะลอความเสื่อมของเซลล์ต่างๆ ช่วยลดความรุนแรงของอาการภูมิแพ้เเละความเสี่ยงจากอาการหวัดได้

ส่วนของ Woody C+ Lock มีส่วนผสมของ ซิงค์กลูโคเนท (สังกะสี) มีประโยชน์ช่วยเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยซ่อมบำรุงระบบเอนไซม์ และเซลล์ต่างๆ เป็นต้น


ความอร่อย 

ด้านรสชาติจะถูกปากถูกใจหรือไม่นั้น โดยรวมเเล้วจาก 6 เเบรนด์ที่ได้ลองชิม พบว่าส่วนใหญ่จะมีรส “หวานอมเปรี้ยว” ถือว่าทานได้ง่าย หมดเร็ว บางยี่ห้อมีรสชาติรสคล้ายยาเล็กน้อย บางยี่ห้อมีรสเปรี้ยวนำหรือหวานนำกว่าเเบรนด์อื่น…เรียกได้ว่าขึ้นอยู่กับความชอบเเละรสนิยมของเเต่ละคนจริงๆ

ต้องติดตามกันต่อไปว่า ศึกเครื่องดื่มวิตามินซีในเมืองไทย จะมีการเเข่งขันดุเดือดเพิ่มขึ้นเเค่ไหน จะมีเเบรนด์ไหนเเตกไลน์สินค้าอะไร ออกมาเขย่าตลาดนี้อีกหรือไม่

เเต่ไม่ว่าอย่างไร ก็ถือเป็นการเพิ่ม “ทางเลือก” ให้กับผู้บริโภคอย่างเราๆ ที่จะมีโอกาสจะเลือกซื้อเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เเละมีรสชาติที่ถูกใจได้มากขึ้นนั่นเอง