ตลาดรถยนต์ไตรมาสแรกโต ‘9%’ แม้จะขาดแคลนชิปสำหรับผลิต

Automakers ได้มีการรายงานยอดขายรถยนต์ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา ท่ามกลางตลาดที่ประสบปัญหามากมาย ทั้งเรื่องการขาดแคลนชิปสำหรับการผลิตจนต้องหยุดไลน์ผลิตบางแห่ง หรือแม้แต่ปัญหาด้านการขนส่ง

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์ทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นประมาณ 8-9% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2020 ซึ่ง COVID-19 ได้ระบาดหนักในช่วงเดือนมีนาคมจนทำให้ตัวแทนจำหน่ายและโรงงานผลิตรถยนต์ต้องปิดตัว โดยยอดขาย Volkswagen เติบโตขึ้น 21%, Toyota เพิ่มขึ้น 21.6%, Hyundai เพิ่มขึ้น 28%, Kia เพิ่มขึ้น 22.8%, Ford เพิ่มขึ้น 1% ส่วนยอดขายของ General motors (gm) เพิ่มขึ้น 3.9%

“เราเห็นการเติบโตขึ้นเล็กน้อย ดูเหมือนว่าพวกเขาจะได้รับผลกระทบอย่างมากจากการที่หยุดผลิตรถยนต์เนื่องจากทรัพยากรที่จำกัด” เจสสิก้า คาลด์เวลล์ ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายข้อมูลเชิงลึกของ Edmunds.com กล่าว

GM กล่าวว่า ยอดขายในส่วนของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 19% ในไตรมาสแรก ขณะที่ยาดขายลูกค้าองค์กรและภาครัฐลดลง 35% จากปีก่อนหน้า GM คาดว่าความต้องการของผู้บริโภคจะยังคงฟื้นตัวได้ตลอดทั้งปีนี้

“ความเชื่อมั่นและการใช้จ่ายของผู้บริโภคจะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการอัตราการฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้นและการกลับมาเติบโตอีกครั้งของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง” อีเลน บัคเบิร์ก หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ GM กล่าว

เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา แบรนด์รถยนต์และซัพพลายเออร์เริ่มเตือนของการขาดแคลนชิปเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งสวนทางกับความต้องการสำหรับยานพาหนะที่เพิ่มขึ้นแข็งแกร่งกว่าที่คาดไว้ โดยชิปเซ็ตถือเป็นส่วนประกอบที่สำคัญอย่างยิ่งของยานยนต์รุ่นใหม่สำหรับระบบต่าง ๆ โดยในรถ 1 คันจำเป็นต้องมีชิปจำนวนมาก อย่าง Ford ประกาศแผนการลดกำลังการผลิตที่โรงงาน 6 แห่งในอเมริกาเหนือเนื่องจากปัญหานี้

“ปัญหาการขาดแคลนชิปนี้ส่งผลกระทบต่อทุกคน เราหวังว่าหากในอีก 4-5 เดือนข้างหน้าสถานการณ์จะดีขึ้นบางที Q3, Q4 น่าจะฟื้นตัว” Jose Munoz ซีอีโอของ Hyundai North America กล่าว

บริษัทที่ปรึกษา AlixPartners ประเมินว่าการขาดแคลนชิปจะลดรายได้อุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกในปีนี้ถึง 60.6 พันล้านดอลลาร์ การลดการผลิตจากปัญหาการขาดแคลนชิปทำให้ยานพาหนะลดลง ทำให้รถรุ่นยอดนิยมอาจมีจำนวนที่ จำกัด โดย Edmunds ประเมินว่าจำนวนคลังรถใหม่ในตัวแทนจำหน่ายทั่วอเมริกาจะลดลง 36% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

“ปัญหาสินค้าคงคลังดูเหมือนว่าจะไม่ได้รับการแก้ไขในเร็ว ๆ นี้ และทุกอย่างจะส่งผลต่อยอดขายในปลายปีนี้” คาลด์เวลล์ กล่าว

Source