‘Uniqlo’ ขอสวนกระแสออนไลน์ เดินหน้า ‘เปิดสาขา’ ในเอเชียเพิ่มเป็น ‘สองเท่า’

uniqlo
Photo : Shutterstock
ท่ามกลางการระบาดของไวรัส COVID-19 ที่อยู่กับโลกเรามากว่า 1 ปี แม้ปัจจุบันสถานการณ์จะเริ่มคลี่คลายลงบ้างเพราะ ‘วัคซีน’ แต่ผลกระทบจากไวรัสก็ทำให้แบรนด์ต้องปรับตัวหันไปเน้น ‘ออนไลน์’ มากกว่าที่จะพึ่งพาหน้าร้านที่ไม่รู้ว่าจะถูก ‘ปิด’ เมื่อไหร่ แต่ ‘Uniqlo’ แบรนด์แฟชั่นสัญชาติญี่ปุ่นกลับสวนกระแสตั้งเป้าเปิดสาขาในเอเชียเพิ่มอีก 2 เท่า

ตั้งเป้าเปิด 100 สาขาต่อปี

‘Fast Retailing’ เจ้าของ ‘Uniqlo’ ต้องการเร่งการขยายตัวในเอเชีย โดยตั้งเป้า เปิดสาขา 100 แห่งต่อปี จากปกติเปิดปีละ 40-50 สาขาต่อปี เพื่อให้เติบโตในยุคหลังการระบาดของ COVID-19 จบลง

“เอเชียเป็นและจะเป็นศูนย์กลางการเติบโตของโลก เราจะเร่งขยายตัวในภูมิภาคเพื่อให้เราเป็น บริษัทอันดับ 1 ในเอเชีย เพราะไม่ช้าก็เร็วการระบาดจะสิ้นสุดลง” ทาดาชิ ยานาอิ ประธานและซีอีโอของ Fast Retailing กล่าว

อย่างไรก็ตาม ยานาอิ ยอมรับว่าการค้าออนไลน์ยังเป็นส่วนสำคัญในการเติบโตต่อไป และเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับอีคอมเมิร์ซ บริษัทกำลังสร้างคลังสินค้าอัตโนมัติในทั่วโลก

ทาดาชิ ยานาอิ ประธานและซีอีโอของ Fast Retailing

ครึ่งปีแรกกำไรโต 23%

ในช่วงครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ (ช่วงเดือน ก.ย. 2563 ถึงเดือน ก.พ. 2564) มีผลกำไรจากการดำเนินงาน 167.9 พันล้านเยน (1.5 พันล้านดอลลาร์) ปรับตัวขึ้น 23% จากปีก่อนหน้า แม้ยอดขายในภูมิภาคส่วนใหญ่จะลดลง แต่ก็ได้ตลาดญี่ปุ่นและจีนช่วยบริษัทสามารถเอาชนะผลกระทบของการระบาดของ COVID-19 ได้

บริษัทระบุว่า รายได้จาก Uniqlo ในญี่ปุ่นทำได้เกินความคาดหมาย โดยเติบโตขึ้น 6.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนปิดที่ 492.5 พันล้านเยน ในขณะที่กำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 36.6% เป็น 97.8 พันล้านเยน ขณะที่ยอดขายออนไลน์ในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 40%

ส่วนรายได้จากต่างประเทศของ Uniqlo มียอดขายลดลง 3.6% เมื่อเทียบกับเวลาเดียวกันกับปีก่อนหน้า ปิดที่ 521.8 พันล้านเยน แต่กำไรเพิ่มขึ้น 25.9% เป็น 67 พันล้านเยน เนื่องจากอัตรากำไรที่ดีขึ้นในเอเชียตะวันออก

ทั้งนี้ บริษัทได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลกำไรจากการดำเนินงานในปีงบประมาณที่จะสิ้นสุดเดือนส.ค. ที่ 2.55 แสนล้านเยน จากคาดการณ์เดิมที่ 2.45 แสนล้านเยน ส่วนกำไรสุทธิปรับตัวขึ้น 5.4% ในช่วงครึ่งแรกของปีงบการเงินปัจจุบัน แตะที่ 1.06 แสนล้านเยน ขณะที่ยอดขายอยู่ที่ 1.20 ล้านล้านเยน ลดลง 0.5%

ปัญหาการเมืองส่งผลต่อการทำธุรกิจ

ทาดาชิ ยานาอิ ยอมรับว่า ความขัดแย้งทางการเมืองกำลังทำให้สภาพแวดล้อมทางธุรกิจยากขึ้น แต่ปฏิเสธที่จะพูดถึงเกี่ยวกับการใช้ฝ้ายที่ผลิตในซินเจียง เนื่องจากแบรนด์ต่างประเทศบางแบรนด์เลิกใช้ผ้าฝ้ายจากภูมิภาคที่ส่วนใหญ่เป็นมุสลิมของจีน เนื่องจากมีรายงานการละเมิดสิทธิมนุษยชนและแรงงาน

“เราต้องการที่จะเป็นกลางทางการเมือง”

ย้อนไปเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว Fast Retailing เคยออกแถลงการณ์ว่า “ไม่มีผลิตภัณฑ์ Uniqlo ที่ผลิตในภูมิภาคซินเจียง นอกจากนี้ยังไม่มีพันธมิตรด้านการผลิตของ Uniqlo ที่เกี่ยวข้องกับโรงงานผลิตผ้าหรือโรงปั่นด้ายในภูมิภาคนี้”

สรุปประเด็น ‘แบนฝ้ายซินเจียง’ สู่การแก้แค้นของลูกค้าจีน

ไม่ใช่แค่เรื่องการใช้ฝ่ายซินเจียง แต่บริษัทเพิ่งถูกผลกระทบในเหตุการณ์ความไม่สงบในเมียนมา ซึ่งโรงงานซัพพลายเออร์ 2 แห่งถูกจุดไฟเผาเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยยานาอิมองว่าผลกระทบดังกล่าวส่งผลเพียงเล็กน้อย เนื่องจากบริษัททำธุรกิจกับเมียนมาน้อยมาก

Source