ในที่สุดหน่วยงานกำกับดูแลของจีนก็ฟาด ‘อาลีบาบา’ (Alibaba) ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีและอีคอมเมิร์ซจีนด้วยค่าปรับ 18,000 ล้านหยวน ในการสอบสวนต่อต้านการผูกขาด โดยระบุว่าเป็นการใช้อำนาจครอบงำตลาด
ย้อนไปเมื่อช่วงเดือนตุลาคมปี 2020 ผู้คุมกฎการแข่งขันในตลาดธุรกิจจีนได้เปิดการไต่สวนเครือบริษัทอาลีบาบา กรุ๊ป ในข้อหา ‘ผูกขาดตลาด’ และในปลายเดือนธันวาคมคณะบริหารดูแลด้านการตลาดแห่งรัฐ (China’s State Administration for Market Regulation : SAMR) ได้ประกาศเปิดการสอบสวนพฤติกรรมผูกขาดตลาดของอาลีบาบาอย่างเป็นทางการ โดยจุดสนใจหลักของการสืบสวนคือ แนวทางปฏิบัติที่บังคับให้ผู้ขายเลือกหนึ่งในสองแพลตฟอร์มแทนที่จะทำงานกับทั้งสองแพลตฟอร์ม (ห้ามใช้งานของคู่แข่งนั่นเอง)
ล่าสุด SAMR ก็ได้สั่งปรับอาลีบาบาเป็นจำนวนเงิน 18,000 ล้านหยวน หรือราว 86,400 ล้านบาท ในข้อหาละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด และใช้อำนาจทางการตลาดในทางที่ผิด โดยละเมิดธุรกิจของผู้ค้าบนแพลตฟอร์มและสิทธิและผลประโยชน์ที่ถูกต้องตามกฎหมายของผู้บริโภค
รัฐบาลจีน ระบุว่า นโยบาย “เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง” และนโยบายอื่น ๆ ทำให้อาลีบาบาอยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบในตลาด ทำให้ได้เปรียบในการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม และนอกเหนือจากค่าปรับแล้ว อาลีบาบาจะต้องยื่นรายงานการตรวจสอบตนเองและการปฏิบัติตามข้อกำหนดไปยัง SAMR เป็นเวลาสามปี
ทั้งนี้ อาลีบาบาได้กล่าวในแถลงการณ์ว่ายอมรับการลงโทษและจะปฏิบัติตามการกำหนดของ SAMR โดยพร้อมจะให้ความร่วมมือเต็มที่ทั้งการดำเนินการประเมินตนเอง และดำเนินการปรับปรุงระบบภายใน
“อาลีบาบาจะไม่ประสบความสำเร็จในการเติบโต หากปราศจากกฎระเบียบและบริการของรัฐบาลที่ดี และการกำกับดูแลที่สำคัญ ความอดทนและการสนับสนุนจากทุกเขตเลือกตั้งของเรามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาของเรา” บริษัท กล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตัวเลขการปรับจะดูมหาศาล แต่คิดเป็นประมาณ 4% ของรายได้ของอาลีบาบาในปี 2019 เท่านั้น