ยอดขายสินค้าของกลุ่ม ‘LVMH’ แบรนด์สินค้าลักชัวรี่กลับมาเร็วกว่าที่คาดไว้ จากที่ปี 2020 ต้องติดลบ -16% เนื่องจากพิษการระบาดของไวรัส COVID-19 โดยกลุ่มที่เป็นตัวสร้างการเติบโตจะเป็นกระเป๋า ‘Louis Vuitton’ และสินค้าจากแบรนด์ ‘Dior’ โดยมีผู้ซื้อชาวจีนและสหรัฐฯ เป็นตัวช่วยดัน
การหยุดชะงักของการท่องเที่ยวระหว่างประเทศที่เกิดขึ้นจากการระบาดของไวรัส COVID-19 ทำให้ร้านสินค้าลักชัวรี่ต่าง ๆ ต้องปิดลงชั่วคราว รวมถึงสภาวะเศรษฐกิจที่ทำให้เกิดความกังวลถึงกำลังซื้อของผู้บริโภคว่าจะลดลงจนผู้บริโภคอาจไม่อยากใช้จ่ายซื้อสินค้าระดับไฮเอนด์
แน่นอนว่ากลุ่ม ‘LVMH’ ซึ่งเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในด้านสินค้าลักชัวรี่โดยเป็นเจ้าของแบรนด์มากกว่า 70 แบรนด์ได้รับผลกระทบ โดยในปี 2020 ยอดขายของกลุ่มลดลง -16% แต่ช่วงไตรมาสแรกปี 2021 LVMH มียอดขาย 14 พันล้านยูโร (16.70 พันล้านดอลลาร์) เติบโต 30% สูงกว่าเกือบสองเท่าจากที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะเติบโตเพียง 17% และเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2019 ที่ยังไม่มีการระบาด LVMH เติบโตเพียง 8%
ยอดขายในเอเชียยกเว้นญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 86% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และในสหรัฐอเมริกาซึ่งกำลังออกโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ก็ทำให้รายได้เพิ่มขึ้น 23% แต่ตรงกันข้ามกับฝั่งยุโรปที่ยังลดลง -9% เนื่องจากบางประเทศ อาทิ ฝรั่งเศสและอิตาลีได้ออกมาตรการล็อกดาวน์ครั้งใหม่เพื่อควบคุมอัตราการติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น
ที่น่าสนใจคือ ร้านค้าทั่วเอเชียเปิดให้บริการตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมา แต่ลูกค้ากลุ่มหรูเริ่มซื้อสินค้าราคาแพงทางออนไลน์มากขึ้นเช่นกันแม้จะยังมีสัดส่วนเล็กน้อยก็ตาม โดยล่าสุด Louis Vuitton ได้เริ่มขายผ่านอีมาร์เก็ตเพลสของ JD.com ในประเทศจีน นอกเหนือจากการขายบนเว็บไซต์ของตัวเอง
“ไม่มีอะไรมาแทนที่การเข้าชมร้านค้า แต่เราสามารถเพิ่มโอกาสโดยให้ลูกค้ามาดูสินค้าก่อนในออนไลน์” หัวหน้าฝ่ายการเงิน Jean-Jacques Guiony กล่าว