ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์เริ่มเปิดการเดินทางระหว่างกันแบบไม่ต้องกักตัว หรือทราเวลบับเบิล วันที่ 19 เม.ย. ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 ปี โดยเป็นผลสืบเนื่องจากการที่ทั้ง 2 ประเทศประสบความสำเร็จในการควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19
แม้รัฐส่วนใหญ่ในออสเตรเลียจะอนุญาตให้ชาวนิวซีแลนด์ เดินทางเข้าแบบไม่ต้องกักตัวได้ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว ทว่านิวซีแลนด์เองยังคงบังคับใช้มาตรการกักตัวผู้เดินทางจากแดนจิงโจ้ เนื่องจากมีรายงานพบการระบาดของไวรัสแบบเป็นกลุ่มก้อนอยู่เป็นระยะๆ
“โครงการทราเวิลบับเบิลถือเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยฟื้นฟูการเชื่อมต่อระหว่างนิวซีแลนด์กับโลก และเป็นสิ่งที่พวกเราทุกคนควรภูมิใจ” นายกรัฐมนตรี จาซินดา อาร์เดิร์น แห่งนิวซีแลนด์ ให้สัมภาษณ์สื่อที่กรุงเวลลิงตัน
ผู้นำหญิงแดนกีวียังระบุด้วยว่า มารีส เพย์น รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลีย จะเดินทางเยือนนิวซีแลนด์ในวันพุธที่ 21 เม.ย. ส่วนนายกรัฐมนตรี สก็อตต์ มอร์ริสัน ก็มีแผนที่จะเยือนนิวซีแลนด์ “ในอนาคตอันใกล้” หลังจากที่มีการเปิดพรมแดนระหว่างกัน
สื่อโทรทัศน์ท้องถิ่นต่างรายงานข่าวและเผยแพร่ภาพประทับใจ ขณะที่ครอบครัว และญาติสนิทมิตรสหายเข้าสวมกอดและทักทายกันอย่างอบอุ่นที่สนามบิน ขณะที่อาคารผู้โดยสารขาออกในสนามบินต่างๆ ของออสเตรเลียก็เต็มไปด้วยผู้โดยสารที่เตรียมตัวออกเดินทาง
“ฉันไม่เคยรู้สึกตื่นเต้นอย่างนี้มาก่อน ไม่ได้คาดหวังและไม่ได้เตรียมตัวมาก่อนเลย เพราะไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นจริง” มิเชลล์ แรฟเฟอร์ที หนึ่งในผู้โดยสารที่เดินทางจากนิวซีแลนด์มายังนครซิดนีย์ให้สัมภาษณ์กับสื่อออสเตรเลีย
สายการบินแควนตัสเตรียมเพิ่มเที่ยวบินระหว่างทั้ง 2 ประเทศเป็น 200 เที่ยวต่อสัปดาห์ ขณะที่แอร์นิวซีแลนด์ก็ได้เพิ่มจำนวนเที่ยวบินขึ้น 4 เท่าตัวเป็น 30 เที่ยวต่อสัปดาห์ในวันที่ 19 เม.ย. โดยเที่ยวบินทุกลำที่เดินทางเข้านิวซีแลนด์มีผู้โดยสารจองที่นั่งเต็มถึง 97%
แม้การเปิดพรมแดนจะสร้างความยินดีและตื่นเต้นให้กับประชาชนที่ต้องห่างเหินจากครอบครัวไปนาน แต่ทั้ง มอร์ริสัน และ อาร์เดิร์น ย้ำว่ารัฐบาลทั้งสองจะ “พิจารณาทบทวน” โครงการอยู่เป็นระยะๆ และเตือนให้ผู้เดินทางเตรียมพร้อมในกรณีที่การเดินทางต้องถูกระงับอย่างปัจจุบันทันด่วน หากพบการแพร่ระบาดของ COVID-19
ข้อมูลสถิติอย่างเป็นทางการระบุว่า ในปี 2019 (ก่อนที่จะเกิดโรคระบาด) มีชาวออสเตรเลียเดินทางเข้านิวซีแลนด์ประมาณ 1.5 ล้านคน หรือคิดเป็น 40% ของผู้เดินทางทั้งหมด ซึ่งทำให้เกิดการใช้จ่ายในประเทศสูงถึง 2,700 ล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ (ราว 60,000 ล้านบาท)
ขณะเดียวกัน มีชาวนิวซีแลนด์กว่า 500,000 คน อาศัยอยู่ในออสเตรเลีย หรือคิดเป็น 2% ของประชากรออสเตรเลียทั้งหมด 26 ล้านคน
ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ต่างใช้มาตรการปิดพรมแดนกับพลเมืองต่างชาติ และผู้พำนักถาวรส่วนใหญ่มาเป็นระยะเวลากว่า 1 ปี ซึ่งมีส่วนช่วยให้รัฐบาลสามารถคุมจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ให้อยู่ในระดับต่ำ เมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้วอื่นๆ
สำหรับผู้เดินทางจากต่างประเทศที่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้านิวซีแลนด์และออสเตรเลียจะต้องผ่านกระบวนการกักตัว 14 วัน และออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดเอง
ปัจจุบันออสเตรเลียมีผู้ติดเชื้อ COVID-19 สะสมเพียง 29,500 คน และมีผู้เสียชีวิต 910 คน ขณะที่นิวซีแลนด์พบผู้ป่วยสะสมเพียง 2,200 คน และมีผู้เสียชีวิตเพียง 26 คนเท่านั้น