กระแสรักษ์โลกกำลังเปลี่ยน ‘ทองแดง’ ให้กลายเป็น ‘บ่อน้ำมัน’ แห่งใหม่

เป็นเวลาหลายทศวรรษที่ ‘น้ำมันดิบ’ เป็นศูนย์กลางของสินค้าทั่วโลก แต่ในขณะที่ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกพยายามต่อสู้กับวิกฤตสภาพภูมิอากาศ น้ำมันจึงอาจจะเริ่มถูกลดทอนความสำคัญไป ขณะที่ ‘ทองแดง’ และ ‘ลิเธียม’ กำลังจะมีบทบาทมากขึ้นและจะกลายเป็น ‘New Oil’ ในโลกยุคใหม่

ทองแดงเป็นส่วนประกอบสำคัญของระบบที่ช่วยให้ใช้พลังงานลม, แสงอาทิตย์ และพลังงานความร้อนใต้พิภพสำหรับการใช้งาน รวมถึงหลายประเทศออกมาตรการและตั้งเป้ายกเลิกการใช้รถยนต์น้ำมันที่เป็นสาเหตุของมลพิษ และหันมาส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดความต้องการใช้แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า และส่งผลให้ความต้องการแร่นิกเกิล ทองแดง และโคบอลต์มากขึ้นไปด้วย

“ทองแดงมีบทบาทสำคัญในการบรรลุเป้าหมายข้อตกลงปารีสเพื่อแก้ปัญหาโลกร้อน” นักวิเคราะห์ของโกลด์แมนแซคส์ กล่าว ดังนั้น “ทองแดง คือ แหล่งน้ำมันใหม่”

ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ราคาทองแดงเพิ่มขึ้น 80% ปัจจุบันราคาทองแดงทะลุ 9,000 ดอลลาร์ต่อตัน สูงสุดในรอบ 10 ปี โดย Goldman Sachs มองว่า การเติบโตดังกล่าวอาจทำให้ทั่วโลกเจอปัญหาขาดแคลนทองแดงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และภายในปี 2025 ราคาทองแดงอาจพุ่งสู่ 15,000 ดอลลาร์ต่อตัน

จากความต้องการทองแดงที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ทำให้ Jiangxi Copper Co. ผู้ผลิตทองแดงของจีนมีรายได้เพิ่มขึ้น 20% สูงสุดในรอบ 8 ปี ส่วน OZ Minerals Ltd. ของออสเตรเลียมีรายได้เพิ่มขึ้น 2 เท่า และนอกจากทองแดงแล้ว แต่ ‘ลิเธียม’ ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของแบตเตอรี่ในรถยนต์ไฟฟ้า ก็อาจเจอปัญหาขาดแคลนในปี 2025 เช่นกันเนื่องจากการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้า

ทั้งนี้ การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั่วโลกปีนี้คาดว่าจะพุ่งสูงขึ้นอย่างเป็นอันตราย เนื่องจากเศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัวอย่างมาก โดยมีการประเมินว่าการปล่อยคาร์บอนจากการใช้พลังงานจะเพิ่มขึ้น 1.5 พันล้านตันในปีนี้ เนื่องจากการใช้ถ่านหินอย่างหนักในเอเชียและจีน

Source