สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า แซลลี แม็กเมนัส เลขาธิการสภาสมาคมการค้าแห่งออสเตรเลีย (ACTU) เรียกร้องสกอตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย อนุญาตแรงงานในภาคธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ และผู้พิการสามารถลางานโดยได้รับค่าจ้างเพื่อฉีดวัคซีน COVID-19 ได้นานสูงสุด 4 วัน
แม็กเมนัสระบุว่าราว 40% ของผู้รับวัคซีนมีผลข้างเคียง และการอนุญาตให้ลาพัก 2 วันหลังฉีดแต่ละโดสถือเป็นการช่วยเหลือพนักงานเหล่านี้ฟื้นฟูร่างกาย โดยแม็กเมนัสชี้ว่าหากไม่อนุญาตให้ลางานโดยได้รับค่าจ้าง มีโอกาสที่จะส่งผลกระทบต่ออัตราการฉีดวัคซีนในภาคธุรกิจเหล่านี้
“พนักงานเหล่านี้แตกต่างจากภาคธุรกิจสุขภาพอื่นๆ พวกเขาไม่มีสิทธิทางอุตสาหกรรมที่สนับสนุนการฉีดวัคซีน เช่น การลางานหรือการเดินทางโดยได้รับค่าจ้าง” แม็กเมนัสกล่าว
พนักงานที่ดูแลผู้สูงอายุ หรือผู้พิการมีคุณสมบัติตามเกณฑ์การฉีดวัคซีนตั้งแต่ระยะที่ 1 หรือเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ แต่มีพนักงานกลุ่มนี้ได้ฉีดวัคซีนไม่ถึง 10% แม็กเมนัสจึงเรียกร้องรัฐบาลจัดการฉีดวัคซีนในสถานที่ทำงาน
“สิ่งที่เกิดขึ้นไม่สอดคล้องกับการดำเนินการของรัฐบาลเพื่อฉีดวัคซีนให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสาธารณสุขและกลุ่มเสี่ยงสูงอื่นๆ ตามยุทธศาสตร์การฉีดวัคซีนป้องกันโรค COVID-19 ของรัฐบาลกลาง การจะบรรลุอัตราการฉีดวัคซีนระดับสูงเพื่อปกป้องชุมชนนั้น สิ่งสำคัญคือต้องจัดการฉีดวัคซีนในสถานที่ทำงาน”
เมื่อนับถึงวันศุกร์ที่ 11 มิ.ย. ออสเตรเลียฉีดวัคซีนแล้ว 5.53 ล้านโดส