“ควบรวมธุรกิจ เพื่อสร้างความเจริญเติบโตและยั่งยืนของธุรกิจในอนาคต…”
ในโลกธุรกิจไม่ว่ายุคสมัยใด การแข่งขันเกิดขึ้นได้เสมอ คงใช้คำว่า “ไม่มีมิตรแท้ และศัตรูที่ถาวร” ผู้ประกอบการธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ จำต้องหากลยุทธ์เพื่อให้ธุรกิจของตนเจริญเติบโต หรือให้ธุรกิจยั่งยืนมากที่สุด
กลยุทธ์ที่ถูกนำมาใช้มากขึ้นคือ การควบรวมธุรกิจ (Merger & Acquisition : M&A) ในทิศทางเชิงรุกหลายธุรกิจที่ควบรวมกันก็เพื่อเสริมให้ธุรกิจเข้มแข็งขึ้น ต้นทุนการผลิตลดลง หรือให้ครบวงจรมากขึ้น และอีกหลายธุรกิจที่ควบรวมกันก็อาจเป็นเพราะขาดซึ่งเงินทุนในการดำเนินกิจการ
แต่เพื่อให้ธุรกิจยังต้องดำเนินต่อไป ดังนั้นในโลกปัจจุบัน การดำเนินกลยุทธ์สำคัญคือต้องพยายามมุ่งไปที่ “กลยุทธ์การเจริญเติบโต (Growth Strategies)” แต่สิ่งหนึ่งสำคัญ การเจริญเติบโตที่ต้องปรับตัวในยุคที่ปัจจัยมากระทบ ดังนั้นในอนาคตจะเห็นธุรกิจต่างๆ จะใช้กลยุทธ์ต่างๆ
- กลยุทธ์การควบรวมธุรกิจ (Merger) โดยอาศัยความสามารถ ศักยภาพของ 2 บริษัท หรือมากกว่าเข้าไปเป็นบริษัทเดียวกัน โดยการเพิ่มการเจริญเติบโตทางธุรกิจด้วยกัน และสร้างความเข้มแข็ง สร้างความได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจ
- การซื้อกิจการ (Acquisition) เป็นกลยุทธ์ที่มุ่งการเจริญเติบโต โดยการซื้อบริษัทอื่น โดยจะใช้ชื่อบริษัทของผู้ซื้อ และเป็นการรวมตัวของ 2 บริษัท โดยอาจจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน หรือเป็นคู่แข่งขันกันก็ได้ หรืออาจเป็นการซื้อบริษัทอื่น ซึ่งทำให้บริษัทเข้าไปถือสิทธิ์ในการดำเนินงานของบริษัท สาขา หรือแผนกนั้นของบริษัท อาจเป็นการซื้อบริษัทอื่นที่มีการดำเนินการอยู่ในพื้นที่นั้น ซึ่งมีประโยชน์อย่างมาก
- การร่วมลงทุน (Joint Venture) ลักษณะแบบนี้เป็นการใช้ทรัพยากรและความเชี่ยวชาญร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือเทคโนโลยีใหม่ๆ
- กลยุทธ์พันธมิตร (Strategic Alliance) การเป็นหุ้นส่วนกันระหว่าง 2 บริษัทหรือมากกว่า เพื่อนำข้อได้เปรียบของแต่ละแห่งมาเป็นจุดแข็งของธุรกิจเดิม หรือการเป็นหุ้นส่วนกันของ 2 ธุรกิจ เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ทางด้านกลยุทธ์ที่สำคัญ และได้ผลประโยชน์ร่วมกัน หรือเป็นการใช้ทรัพยากร (Resources) ประสิทธิภาพ (Capabilities) หรือความสามารถ (Competencies) เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ร่วมกัน
ในโลกแห่งอนาคต จะเริ่มเห็นพันธมิตรทางธุรกิจมากขึ้น เพราะการแข่งขันธุรกิจจะทำให้ WIN-WIN ในธุรกิจมากกว่า WIN-LOSS และธุรกิจจะมีการบูรณาการในการตัดสินใจมากขึ้น