2554 ประเทศไทยในมือ “อภิสิทธิ์” เลือกตั้ง เร็ว-ช้าไม่สำคัญเท่าจัดการโกง

จากศักราชเก่าสู่ศักราชใหม่ ก็หวังว่าประเทศไทย พ.ศ.นี้จะเป็นปี “กระต่ายทอง” สุขกันเถอะ-สุขกันเถาะ หลังจากบอบช้ำมาจากปีเสือไฟ-พยัคฆ์บรรลัยกัลป์ อันหนักหนาสาหัสสากรรจ์

ทิศทางและความเป็นไปของประเทศไทยในปีนี้ เป็นเรื่องที่อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะเป็นผู้กำหนดอย่างแท้จริง

เพราะภายหลังจากผ่านเรื่องร้ายแรงต่างๆ ทั้งม็อบเสื้อแดงก่อการจลาจลเผาเมืองเมื่อเมษาฯ-พฤษภามหาวินาศ ทั้งที่ลุ้นระทุกจากคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ที่สุดท้ายก็ปลดบ่วงรอดพ้นมาได้

“อภิสิทธิ์” กลับมาตั้งหลักยืนอย่างแข็งแกร่ง!

ดึงดุลอำนาจกลับมาอยู่ในมือ สามารถกุมสภาพและปัจจัยต่างๆ ได้ในช่วงใกล้ครบเทอมรัฐบาลปลายปี2554

แต่จะมีการเลือกตั้งก่อนกำหนด หรือรอจนครบวาระ เป็นอำนาของผู้นำประเทศที่จะเป็นผู้ตัดสินใจ

“เศรษฐกิจ-ความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง-กฎกติกาการเลือกตั้ง”

คือสามปัจจัยที่ “อภิสิทธิ์” ย้ำไว้หลายครั้งว่าจะใช้ประกอบการตัดสินใจ วันนี้ปัจจัยต่างๆ ก็เข้าองค์ประกอบที่จะยุบสภาให้เลือกตั้งกันได้แล้ว

ทั้งด้านเศรษฐกิจ ที่รัฐบาลชุดนี้เข้ามาประคับประคองสถานการณ์ในภาวะเศรษฐกิจโลกตกต่ำและผันผวจนมีทิศทางการเจริญเติบโตที่ดี

ขณะที่ปัจจัยด้านความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองก็เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ กระแสปรองดองถูกจุดขึ้นและบีบทุกฝ่ายให้เดินสู่แนวทางนี้

โดยเฉพาะคู่ขัดแย้งกับอำนาจรัฐโดยตรง ทั้งม็อบเสื้อแดง หรือพรรคเพื่อไทย ที่เริ่มเปลี่ยนแนวสู่สนามการเลือกตั้งที่ถนัด ภายหลังพ่ายแพ้ในเกมมวลชนนอกสภาฯ

จนทักษิณน่าจะประเมินแล้วว่าเกมม็อบพ้นจุดพีค และยากที่ผู้คนในสังคมจะยอมให้เกิดขึ้นอีกครั้ง

ขณะที่ปัจจัยเรื่องกฎเกณฑ์กติกาสำหรับการเลือกตั้ง การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ จะนำเสนอเข้าสู่สภาฯพิจารณาวาระ2-3 สิ้นเดือน ม.ค.นี้

หลังจากนั้นอีกไม่นาน ระบบ-รูปแบบเลือกตั้ง ที่ทุกฝ่ายให้การยอมรับก็จะถูกนำมาใช้ได้

พร้อมและเอื้ออำนวยต่อการเลือกตั้ง!

แต่สิ่งสำคัญในการตัดสินใจในประเด็นการเลือกตั้งที่มากกว่านั้น สำหรับ “อภิสิทธิ์” ที่ประกาศตัวไว้แล้วว่าจะขอเป็นนายกฯ อีกสมัยแล้วจะวางมือการเมือง

เก้าอี้ผู้นำสมัย2 ย่อมไม่ต้องการรอนาน!

การประเดิมประกาศแผน “ประชาวิวัฒน์” โครงการประชานิยมตำรับประชาธิปัตย์ช่วงต้นปี ทั้งเรื่องการช่วยเหลือด้านสวัสดิการ แหล่งทุน สำหรับวินมอเตอร์ไซค์ แท็กซี่ พ่อค้าแม่ขายหาบเร่แผงลอย

จนถูกมองเป็นการอัดฉีด “รากหญ้า” เพื่อหวังผลเลือกตั้งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นตามมาในไม่ช้า

เมื่อเศรษฐกิจเอาอยู่มือ ปัญหาความแตกแยกขัดแย้งเริ่มคลี่คลาย กติกาเลือกตั้งพร้อม นโยบายลดแลกแจกแถมหวังผลได้ ประกอบกับคู่แข่ง พรรคเพื่อไทยยังตั้งหลักไม่ได้

ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลต่างก็รับรู้ได้ถึงสัญญาณทางบวกที่มีต่อ “อภิสิทธิ์” ที่น่าจะได้รับสิทธิต่อตั๋วในภารกิจบริหารประเทศอีกครั้ง คงไม่อาจหาญจะฝืนสัญญาณนั้น

นอกจากนี้ ปัจจัยทางฝ่ายกองทัพ ที่กลับมาเป็นปึกแผ่นภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ที่เลือกเป็นเกราะรัฐบาลอภิสิทธิ์ ในสถานการณ์ที่ต่างเกื้อหนุนกันด้วยดี

หากไม่มีอะไรฉุกเฉินหรือจำเป็นสูงสุดจริงๆ ก็คงผลีผลามตัดสินใจเคลื่อนพลให้เหนื่อยต้องเล่นเอง โดยที่ไม่มีอะไรรับประกันว่าจะรับกับแรงต้านได้ไหว!

ที่สำคัญเลยก็คือ ภายหลังคดียุบพรรค ปชป.ผ่านพ้น “อภิสิทธิ์” มองเห็นสัญญาณบวก ได้สิทธิ “ต่อตั๋วพิเศษ”

จึงมองกันว่า “อภิสิทธิ์” น่าจะตัดสินใจใช้ห้วงเวลาที่คะแนนนิยม ปชป.กระเตื้อง ภาพลักษณ์กำลังเป็นไปในทางที่ดี ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ในช่วงต้นปี

โอกาสกลับมาเบิ้ลเก้าอี้นายกฯ สูง!

อย่างไรก็ตาม ในอีกแนวทางที่มาจากบางส่วนในประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ รวมทั้งพรรคร่วมรัฐบาลต่างๆ ที่ต้องการให้ “อภิสิทธิ์” ดึงเกมไปจนใกล้ครบสมัย

“ลากยาวรัฐบาล”

เพื่อโอกาสจัดงบฯ และแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ มือไม้กลไกสำคัญในการกลับสู่อำนาจอีกครั้ง

และตามธรรมชาติ ถ้าไม่จำเป็นแล้วผู้ที่อยู่ในอำนาจ คงไม่ปล่อยอำนาจให้หลุดมือไป จึงมีโอกาสเป็นไปได้เช่นกัน ที่ “อภิสิทธิ์” จะเลือกแนวทางนี้

เพราะด้วยดุลอำนาจทางการเมืองที่อยู่ในมือ สามารถคอนโทรลเกมรัฐบาลผสม คุมพรรคร่วมรัฐบาลอยู่หมีด ถึงแม้ต้องสุ่มเสี่ยงกับกรณีที่ฝ่ายค้านประกาศจองกฐินยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจทันที่ที่เปิดสมัยประชุมสภาฯ ปลายเดือน ม.ค.นี้

แต่เมื่ออ่านทางแล้ว ในศึกซักฟอก “อภิสิทธิ์” และ รมต.ปชป.ก็คงเบาแรง เมื่อเป้าหมายของเพื่อไทยย่อมจับจ้องไปที่พรรคภูมิใจไทย ที่เคยฝากแค้นต้องชำระให้นายใหญ่ ทักษิณสั่งลูกน้องลงมีดเชือดแน่!

นอกจากนี้ด้วยความเขี้ยว ประชาธิปัตย์ยังเหลือไพ่เล่นต่อหากภูมิใจไทยแผลเหวอะหวะ ก็ยังมีกลุ่ม3Pพรรคเพื่อแผ่นดิน รอเป็นอะไหล่สำรองไว้ หากจะยืออายุรัฐบาลต่อ

แต่ไม่ว่าจะเลือกเล่นเกมเร็วหรือลากยาว ที่ต้องระวังไว้ก็คือ ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นในรัฐบาล ที่ไม่ว่าโพลสำรวจสำนักใดก็ตาม

อภิสิทธิ์ยังสอบตกเรื่องแก้ปัญหาโกง!

เสียงสะท้อนของประชาชนในเรื่องนี้เริ่มดังถี่ขึ้น โดยเฉพาะช่วงสองขวบปีที่บริหารประเทศมา แม้อภิสิทธิ์จะแสดงท่าทีขึงขังกับการจัดการเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่น ถึงขั้นประกาศเป็น1ใน “กฎเหล็ก9ข้อ”

แต่ นอกจากทำทีขัดขวาง ไม่เห็นด้วย สั่งยื้อชะลอสารพัดโปรเจกต์โครงการที่มีความไม่ชอบมาพากลโดยเฉพาะของพรรคร่วมรัฐบาล แต่สรุปสุดท้ายก็แค่ทำพอเป็นพิธี

ขึงขังได้ภาพแล้วก็ไฟเขียวปล่อยผ่านเลย คงความกังขาของประชาชนในปมนั้นๆ กันต่อไป

“อภิสิทธิ์” จริงใจจริงจังจัดการเรื่องโกงจริงหรือ?

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่ทักษิณคงสั่งไพร่พลในพรรคเพื่อไทยให้ “เต็มแรง” ถึง “อภิสิทธิ์” จะมีพรรคอะไหล่ไว้สำรอง หรือใช้การลอยตัว ก็คงจะเลี่ยงแปดเปื้อนไปด้วยได้ยาก

ดังนั้น ถึงจะมั่นใจในดุลอำนาจที่มีอยู่ในมือ สิทธิพิเศษจากสัญญาณบวกที่ได้รับ กองทัพเป็นแบ็ก แต่ถ้ายังปล่อยให้ปมปัญหานี้เรื้อรัง จนกลายเป็นรัฐบาลอมโรคโกง ก็สุ่มเสี่ยงที่กระแสประชาชนจะตีกลับ

เมื่อนั้น “ตั๋ว” ที่ได้รับก็อาจเปลี่ยนมือ ฝันที่จะนั่งเก้าอี้ผู้นำประเทศอีกครั้งก็อาจสลายไปได้

และถึงจะลากกันต่อไหว แต่จะมีประโยชน์อันใด เพราะการ “พายเรือให้โจรนั่ง” หรือ “นั่งเรือที่โจรพาย” ก็สร้างความเสียหายให้แก่บ้านเมืองไม่ต่างกัน

ที่สำคัญการได้เป็นนายกฯ ในรัฐบาลที่กลาดเกลื่อนเต็มไปด้วยเรื่องคดโกง

จะเรียกผู้นำที่สง่างามได้เช่นใด??