สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ฮันส์ คลูเกอ ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคยุโรปขององค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่าการพบปะคนต่างครัวเรือน การเดินทาง การรวมตัวกัน และการผ่อนปรนข้อจำกัดทางสังคม เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ยอดผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ในยุโรปเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 10 สัปดาห์
“เมื่อสัปดาห์ก่อน ยอดผู้ป่วยโรค COVID-19 เพิ่มขึ้น 10% ขณะสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในภูมิภาคยุโรปที่ยังมีประชาชนไม่ได้รับวัคซีนอีกหลายล้านคน แม้ประเทศสมาชิกจะพยายามอย่างสุดความสามารถ” คลูเกอแถลงข่าวทางออนไลน์ที่กรุงโคเปนเฮเกน เมืองหลวงของเดนมาร์ก
“เชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตา อาจระบาดแซงหน้าสายพันธุ์อัลฟาอย่างรวดเร็วผ่านการแพร่ระบาดซ้ำๆ หลายครั้ง และทำให้ยอดผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาลและผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่มขึ้นแล้ว”
คลูเกอคาดการณ์ว่าเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตา จะเป็นสายพันธุ์หลักของการแพร่ระบาดในภูมิภาคยุโรปภายในเดือนสิงหาคม พร้อมเตือนว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสฯ ชนิดกลายพันธุ์ ยอดการฉีดวัคซีนที่ลดต่ำ และการที่ประชาชนต่างครัวเรือนพบปะกันมากขึ้น จะทำให้ยอดผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาลและยอดการเสียชีวิตพุ่งสูงอีกระลอกก่อนฤดูใบไม้ร่วง
คลูเกอเรียกร้องประชาชนในภูมิภาค “มีระเบียบวินัยกันต่อไป” และฉีดวัคซีนเมื่อมีโอกาส เพื่อยับยั้งยอดผู้ป่วยที่คาดว่าจะพุ่งสูง
“วัคซีนมีประสิทธิภาพต้านเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตา แต่คุณต้องฉีด 2 โดส ไม่ใช่แค่โดสเดียว ความล่าช้าในการฉีดวัคซีนจะทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มและส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจ ยิ่งเราฉีดวัคซีนช้า ยิ่งมีเชื้อไวรัสชนิดกลายพันธุ์เกิดขึ้นเพิ่ม”
คลูเกอแสดงความเสียใจต่อความแตกต่างที่ชัดเจนด้านความเท่าเทียมทางวัคซีนระหว่างประเทศร่ำรวย และยากจนในยุโรป พร้อมระบุว่าอัตราความครอบคลุมทางวัคซีนของภูมิภาคอยู่ที่ 24% เท่านั้น และนั่นเป็นสิ่งที่ “ยอมรับไม่ได้ ทั้งยังห่างไกลจากคำแนะนำให้อัตราครอบคลุมอยู่ที่ 80% ของประชากรวัยผู้ใหญ่”
“การระบาดใหญ่จะไม่สิ้นสุดลงด้วยตัวเลขแบบนี้ และหากมีพลเมืองหรือผู้ออกนโยบายคนใดคิดว่ามันจะจบลงได้ พวกเขาคิดผิด”
หลายฝ่ายกังวลว่าการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 จะเป็นกิจกรรมที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาด เนื่องจากมีผู้ชมจำนวนหนึ่งถูกตรวจพบว่าติดเชื้อไวรัสหลังเดินทางกลับประเทศ ซึ่งคลูเกอกล่าวย้ำให้ทุกคนระมัดระวังตัว และเรียกร้องผู้ชมทุกคนสวมหน้ากากอนามัย “โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในที่ร่มและอยู่ท่ามกลางผู้คน”
“เรายังเผชิญความเสี่ยงสูง สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในช่วงหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนข้างหน้านี้จะเป็นอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจและพฤติกรรมของเราในระดับบุคคล ชุมชน และรัฐบาล ทั้งในปัจจุบันและหลายสัปดาห์ข้างหน้านี้ ความสามัคคีจะต้องได้ผลคุ้มค่า”