25 เมืองใหญ่ในโลกเป็นตัวการหลักปล่อย “ก๊าซเรือนกระจก” เกือบทั้งหมดอยู่ในประเทศจีน

เขตศูนย์กลางธุรกิจ กรุงปักกิ่ง (Photo : Shutterstock)
25 เมืองใหญ่ในโลกจากทั้งหมด 167 เมืองเป็นตัวการหลักของการปล่อย “ก๊าซเรือนกระจก” โดยเกือบทั้งหมดนั้นอยู่ในประเทศจีน อย่างไรก็ตาม เป็นเพราะจีนคือแหล่งอุตสาหกรรมการผลิต การหยุดปล่อยก๊าซเรือนกระจกจึงไม่ง่าย

นักวิจัยศึกษาการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตีพิมพ์ลงในวารสาร Frontiers in Sustainable Cities โดยมีการศึกษาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกใน 167 เมืองของ 53 ประเทศ พบว่า เมืองใหญ่ทั้งหมด 25 เมืองเป็นผู้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกถึง 52% ของก๊าซเรือนกระจกที่ถูกปล่อยออกมาทั้งหมด

ในจำนวน 25 เมืองนั้น มีถึง 23 เมืองที่อยู่ในประเทศจีน เช่น เซี่ยงไฮ้, ปักกิ่ง, หานดาน ส่วนอีก 2 เมืองคือ โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น และมอสโก ประเทศรัสเซีย

Shaoqing Chen หนึ่งในทีมวิจัยและนักวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมจากมหาวิทยาลัยซุนยัตเซ็น เมืองกวางโจว กล่าวว่า งานวิจัยนี้ต้องการจะตอกย้ำความสำคัญของ ‘เมือง’ ว่ามีบทบาทในการช่วยลดภาวะเรือนกระจกได้

“เป็นเรื่องง่ายและมีตรรกะ” เขากล่าว “ถ้าคุณไม่ปฏิบัติในวันนี้ อีกหน่อยวันข้างหน้าคุณก็จะต้องรับผลจากภาวะโลกร้อน”

อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 องศาเซลเซียสเมื่อเทียบกับช่วง Pre-industrial baseline (ยุคปีค.ศ. 1850-1900) และคาดว่าจะยังเติบโตต่อเนื่องจนเพิ่มขึ้นมากกว่า 1.5-2 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นขีดจำกัดสูงสุดที่ข้อตกลงปารีสเคยตกลงกันไว้ (*ข้อตกลงปารีส เกิดขึ้นเมื่อปี 2015 โดยมีสมาชิก UN 196 ประเทศ ร่วมให้คำมั่นว่าจะร่วมกันแก้ปัญหาโลกร้อน ไม่ให้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มขึ้นเกิน 2 องศาเซลเซียส)

ทั้งนี้ การศึกษาครั้งนี้ของ Chen และนักวิทยาศาสตร์แจ้งเตือนไว้ด้วยว่า ผลศึกษาอาจจะไม่แม่นยำ เพราะบางเมืองให้ข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เก่ามาก บางแห่งเก่าถึงปี 2005

 

จีนเป็นฮับการผลิตที่หยุดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ยาก

Chen กล่าวต่อว่า การวิเคราะห์ขั้นต่อไปของทีม จะลงลึกเรื่องการตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของมหานครต่างๆ รวมถึงความคืบหน้าในการลดโลกร้อนด้วย

โดยปัจจุบันพบว่า 68 เมืองจาก 167 เมืองที่ศึกษา มีการตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแล้ว โดยส่วนใหญ่เป็นเมืองในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว และมีเพียง 30 เมืองที่มีความคืบหน้าในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้จริงๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเมืองในทวีปยุโรปและประเทศสหรัฐอเมริกา

TAIZHOU, CHINA – NOVEMBER 24, 2020 – Workers inspect inside and outside the Great Wall Motor factory. Taizhou city, Jiangsu Province, November 24, 2020.- PHOTOGRAPH BY Costfoto / Barcroft Studios / Future Publishing (Photo credit should read Costfoto/Barcroft Media via Getty Images)

อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์พบว่า การวิเคราะห์ครั้งนี้ยืนยันสิ่งที่นักวิจัยคาดคิดไว้แล้ว นั่นคือ เมืองในประเทศจีนที่พบการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อหัวประชากรในอัตราสูง มักจะเป็น “ฮับอุตสาหกรรมการผลิต” แต่ในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว เมืองที่พบการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อหัวประชากรในอัตราสูง มักจะเป็นเมืองที่มีการบริโภคสูง

กล่าวโดยสรุปคือ เมืองในยุโรปหรือประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้จริง แต่เมืองอื่นๆ ของโลกอยู่ในระยะที่เร่งความเร็วการลดการปล่อยคาร์บอนได้ยากกว่า

“พวกเขา (เมืองในประเทศพัฒนาแล้ว) ปล่อยก๊าซเรือนกระจกไปแล้วหลายตันกว่าจะไปถึงจุดที่เมืองเป็นอยู่ขณะนี้ ขณะที่จีนอยู่ในขั้นที่กำลังปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงสุด เราทราบว่าอินเดียกำลังจะมาถึงขั้นเดียวกับจีน และทวีปสุดท้ายที่จะกลายเป็นผู้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงคือทวีปแอฟริกา” Dan Hoornweg ศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยออนทาริโอเทค และอดีตที่ปรึกษาให้กับธนาคารโลกด้านภาวะโลกร้อนและความยั่งยืนของเมือง ให้ความเห็นต่อประเด็นนี้

Source