WHO ขอประเทศร่ำรวยเบรกฉีด ‘เข็ม 3’ เพื่อกระจายวัคซีนสู่ประเทศรายได้ต่ำ

Photo : Shutterstock
องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ได้ออกมาเรียกร้องให้ประเทศที่ร่ำรวยหยุดการแจกจ่ายวัคซีนกระตุ้น COVID-19 โดยอ้างถึงความไม่เท่าเทียมกันของวัคซีนทั่วโลก โดยต้องการให้หยุดการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 2 เดือน เพื่อให้ทุกประเทศทั่วโลกมีการฉีดวัคซีนให้ถึง 10% ภายในสิ้นเดือนกันยายน

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า การฉีดวัคซีนให้กับประชากรทั้งหมดในโลกมีความสำคัญต่อการยุติการระบาดใหญ่ของ COVID-19 รวมถึงตัวแปรเดลตาที่กำลังระบาดหนัก ซึ่งการติดเชื้อที่สูง มีความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดสายพันธุ์ใหม่ ๆ มากขึ้น และจะยิ่งสร้างความเสี่ยงให้กับทุกประเทศ ทั้งที่ได้รับวัคซีนหรือไม่ได้รับวัคซีน เว้นแต่ประชากรโลกจะได้รับวัคซีนมากขึ้น

ทั้งนี้ เทดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก มีเป้าหมายที่จะกระจายการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุม 40% ของประชากรโลกภายในเดือนธันวาคมนี้ ดังนั้น การที่ประเทศร่ำรวยจะชะลอการฉีดวัคซีนไป 2 เดือน อาจช่วยให้บรรลุเป้าหมายได้

“เราต้องการการพลิกกลับจากวัคซีนส่วนใหญ่ที่ส่งไปยังประเทศที่มีรายได้สูง ไปสู่ประเทศที่มีรายได้ต่ำส่วนใหญ่อย่างเร็วที่สุด โดยเฉพาะในจุดที่ประชากรสูงอายุ, ผู้ที่เป็นโรคประจำตัว, ผู้ที่ทำงานแนวหน้า เทดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก กล่าว

คำขอดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่หลายประเทศเริ่มมีแผนที่จะฉีดวัคซีนเข็ม 3 เพื่อกระตุ้นภูมิเพื่อสู้กับสายพันธุ์เดลตา อาทิ อิสราเอล ที่ประกาศว่าประเทศจะให้ฉีดเข็ม 3 เสริมแก่ประชากรสูงอายุ เช่นเดียวกันกับ สาธารณรัฐโดมินิกัน ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านเฮติเพิ่งได้รับวัคซีนชุดแรกเมื่อไม่นานมานี้

เจ้าหน้าที่ของ WHO ยังกล่าวอีกว่าเขาหวังว่าภายในกลางปี 2022 อัตราการฉีดวัคซีนทั่วโลกจะครอบคลุม 70% และจนกว่าจะบรรลุเป้าหมายนั้น เจ้าหน้าที่สาธารณสุขระดับโลกหวังว่าประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนสูงจะปฏิบัติตามคำขอโดยการเรียกร้องให้ยุติความไม่เท่าเทียมกันของวัคซีน

“เราต้องการกลยุทธ์ด้านวัคซีน และเราต้องการมาตรการด้านสาธารณสุขและสังคมในระดับบุคคลและระดับชุมชน เราต้องการให้ทุกคนก้าวข้ามในตอนนี้” มาเรีย แวน เคอร์คอฟ หัวหน้าฝ่ายเทคนิคขององค์การอนามัยโลกกล่าว

Source