‘แอดไวซ์’ ชี้ตลาดไอทีดีมานด์มีแต่ซัพพลายสะดุด เน้นโฆษณา ‘บ้าน ๆ’ ย้ำภาพสิงห์ภูธร

ตั้งแต่เกิดการระบาดของ COVID-19 จะเห็นข่าวปัญหาด้านซัพพลายที่เกิดขึ้นตามมา ไม่ว่าจะเป็นการขนส่งที่ล่าช้า รวมไปถึง ‘ชิปเซ็ต’ ที่มีไม่เพียงพอต่อความต้องการ เนื่องจากเหล่าเครื่องใช้ไฟฟ้าและสินค้าไอทีต่าง ๆ มีความต้องการเพิ่มมากขึ้น อันเป็นผลจากการ Work from Home และ Learn form Home

ดีมานด์มีแต่ปัญหาซัพพลายลากยาว

จักรกฤช วัชระศักดิ์ศิลป์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานผลิตภัณฑ์ การขายและการตลาด บริษัท แอดไวซ์ ไอที อินฟินิท จำกัด ผู้ค้าปลีกและค้าส่งอุปกรณ์ไอทีรายใหญ่ ยอมรับว่า ณ ปัจจุบันประเมินการเติบโตของตลาดไอทีได้ยาก เพราะที่ผ่านมาตลาดยังคงมีดีมานด์ ทั้งจากการใช้ทำงานและการเรียน แต่ด้วยปัญหาด้านซัพพลายเชนที่ลากยาวทำให้มีสินค้าไม่เพียงพอ อีกทั้งการระบาดซ้ำยังส่งผลต่อกำลังซื้อผู้บริโภค

“แม้ธุรกิจไอทีจะมีดีมานด์มากกว่าอุตสาหกรรมอื่น แต่เพราะซัพพลายเชนที่จำกัดและสภาวะเศรษฐกิจทำให้พูดได้ไม่เต็มปากว่าตลาดมันจะดี ต้องรอดูช่วงครึ่งปีหลังหากซัพพลายกลับมาน่าจะเห็นภาพชัด”

จักรกฤช วัชระศักดิ์ศิลป์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานผลิตภัณฑ์ การขายและการตลาด บริษัท แอดไวซ์ ไอที อินฟินิท จำกัด

ล็อกดาวน์กระทบน้อย เพราะเป็นสิงห์ภูธร

จากมาตรการล็อกดาวน์ที่ลากยาวตั้งแต่ 12 ก.ค. ที่ผ่านมาจนจะไปสิ้นสุดในวันที่ 31 ส.ค. นี้ ซึ่งยังไม่แน่ว่าขยายเวลาไปอีกหรือไม่ โดยจากมาตรการล็อกดาวน์ทำให้ห้างสรรพสินค้า และไอทีพลาซ่าต่าง ๆ ต้องปิดลงชั่วคราว แต่แอดไวซ์ไม่ได้รับผลกระทบมากนักเนื่องจากมีสาขาประมาณ 10% จากกว่า 300 สาขาต้องปิด ที่เหลือเป็นสาขาสแตนด์อโลนในต่างจังหวัด

ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีแรกครึ่งปีแรก แอดไวซ์ได้เปิดสาขาใหม่ที่จังหวัดหนองบัวลำภูและชัยนาท และในกรุงเทพฯ มี 2 แห่ง ได้แก่ สาขาในไทวัสดุบางนา และสาขาเซ็นทรัลพระรามสอง ซึ่งหากสถานการณ์กลับมาดีขึ้นคาดว่าจะเปิดได้อีกครั้งในเดือนก.ย.

“เราโชคดีที่สาขาส่วนใหญ่ของเราอยู่ในต่างจังหวัด ผลกระทบจึงค่อนข้างน้อย และในช่วงครึ่งปี 2020 เราค่อนข้างลงทุนในออนไลน์พอสมควรเพราะเราเห็นเทรนด์”

เนื่องจากการเติบโตของอีคอมเมิร์ซเพราะมาตรการล็อกดาวน์ ดังนั้น คาดว่าสัดส่วนยอดขายออนไลน์ของสินค้าไอทีทั้งตลาดคาดว่าจะมีสัดส่วนประมาณ 25% ในปีนี้ เช่นเดียวกับแอดไวซ์ที่คาดว่าจะมีสัดส่วนประมาณ 25% และภายในปี 2566 คาดว่าทั้งตลาดจะมีสัดส่วนบนอีคอมเมิร์ซถึง 50%

กลยุทธ์ 3D พร้อมอัดโฆษณาแบบบ้าน ๆ

บริการ Advice 3D เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ลูกค้าในการใช้บริการ ซึ่งประกอบด้วย Advice Drive Thru โดยจะมีพนักงานรับออเดอร์และจัดสินค้าส่งให้ลูกค้าเพียงมาจอดรถในจุดบริการ Advice Delivery เป็นบริการจัดส่งถึงบ้าน และทางด้านการบริการดูแลหลังการขาย Advice Dee Dee Onsite Claim & Service เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าทั้งในด้านการซื้อสินค้าและการให้บริการ

ในส่วนของการสร้างแบรนด์ ช่วงครึ่งปีแรกแอดไวซ์ได้ปล่อยภาพยนตร์โฆษณา “เราได้อะไรจากการฟัง” เนื่องจากต้องการสร้างแบรนด์ และแสดงถึงภาพลักษณ์ว่าเป็นมากกว่าไอที เนื่องจากมองว่าอนาคตหน้าร้านจะไม่ได้ขายสินค้าอย่างเดียว แต่เป็นที่ให้ลูกค้าได้มาชมสินค้าและเป็นคอมมูนิตี้ให้มาพบปะแลกเปลี่ยนกัน

นอกจากนี้ ในช่องทางออนไลน์ แอดไวซ์ก็ได้ปล่อยโฆษณาออนไลน์ที่ต่อยอดคาแร็กเตอร์ “ป้าขายข้าวหลาม” ที่อยู่ในภาพบนตร์โฆษณามารีวิวโน้ตบุ๊กแบบบ้าน ๆ โดยเน้นความเข้าใจง่ายไม่ต้องใช้ KOL ชื่อดัง และเตรียมจะปล่อยโฆษณาออนไลน์ในลักษณะนี้ออกมาอีก

“เรามีการปรับรูปแบบการดำเนินงาน การทำตลาดและการให้บริการเป็นเชิงรุกมากขึ้น พร้อมมุ่งเน้นการทำตลาดออนไลน์ ทั้งในส่วนของช่องทางหลักอย่างอีคอมเมิร์ช เรายังขยายช่องทางในส่วนของมาร์เก็ตเพลส และโซเชียลคอมเมิร์ชเพิ่มเติม เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นตามสถาการณ์ในปัจจุบัน”

ยังโตเกินกว่าเป้า

แม้จะมีปัญหาด้านซัพพลาย แต่ช่วงครึ่งปีแรกแอดไวซ์ยังสามารถเติบโตได้เกินกว่าเป้าที่ตั้งไว้ แต่ภาพรวมทั้งปีไม่สามารถระบุได้ว่าจะเติบโตได้มากกว่าปีที่ผ่านมาหรือไม่ ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้ของบริษัทในปัจจุบันมาจากการขายปลีก 60% ขายส่ง 40% โดย 3 กลุ่มสินค้าที่สร้างรายได้หลักมาจากพีซีแบรนด์, คอมดีไอวาย (คอมประกอบ) และเครื่องพิมพ์