คุยกับ ‘KAKAO WEBTOON’ กับภารกิจพา ‘มันฮวา’ แทรกในใจนักอ่านไทยเทียบชั้น ‘มังงะ’

สำหรับประเทศไทยแล้ว ‘การ์ตูนญี่ปุ่น’ หรือ ‘มังงะ’ น่าจะเป็นคอนเทนต์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแม้ว่าปัจจุบันจะเริ่มมีคอนเทนต์ของคนไทยมากขึ้นก็ตาม อย่างไรก็ตาม ประเทศเกาหลี ประเทศเจ้าแห่งคอนเทนต์ ไม่ว่าจะเพลงหรือซีรีส์ก็โด่งดังไปทั่วโลก แต่ไม่ใช่แค่นั้นเพราะเกาหลีก็พยายามจะดัน ‘มันฮวา’ ให้เป็นคอนเทนต์ระดับโลกด้วยเช่นกัน และ ‘Kakao Webtoon’ แพลตฟอร์มของ ‘KAKAO Entertainment’ ยักษ์ใหญ่ของเกาหลีก็เลือกใช้ไทยเป็นจุดเริ่มต้นของการนำมังฮวาบุกตลาดโลก

เว็บตูนจากบริษัทบันเทิงอันดับหนึ่งเกาหลี

หากพูดถึงชื่อ คาเคา เอ็นเตอร์เทนเมนท์ (KAKAO Entertainment Corp.) เชื่อว่าคนไทยคงจะคุ้นหูบ้างจาก Kakao Talk อีกทั้งยังเป็นบริษัทบันเทิงยักษ์ใหญ่อันดับหนึ่งของประเทศเกาหลีใต้ โดยคาเคา เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จะมี 3 ธุรกิจหลัก 1.Music Entertainment 2.Story Entertainment (การ์ตูน, นิยาย) และ 3.Media Entertainment (ภาพยนตร์, ซีรีส์)

คาเคา เอ็นเตอร์เทนเมนท์ เป็นการรวมตัวกันของสองบริษัทคอนเทนต์ชั้นนำ ได้แก่ เอ็มคอมพานี (M Company) ที่เน้นการสร้างสรรค์คอนเทนต์ทั้งดนตรี ซีรีส์ ภาพยนตร์ และการแสดง และเป็นค่ายของศิลปินชื่อดังมากมาย อาทิ ไอยู, กงยู, พัคซอจุน, ฮยอนบิน อีกทั้งยังมีนักเขียนบทและผู้กำกับซีรีส์-ภาพยนตร์อีกมาก อาทิ ซีรีส์ Signal และ Kingdom ออริจินัลซีรีส์ของ Netflix ที่โด่งดังอย่างมาก

ส่วนอีกบริษัทหนึ่งคือ เพจคอมพานี’ (Page Company) ที่ถือเป็น Korea’s No.1 Story Entertainment Company โดยมี Original Story (เว็บตูนและเว็บโนเวล) ถึงกว่า 8,500 เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดัง ๆ อย่าง Itaewon Class, What’s Wrong with Secretary Kim?, Space Sweepers, The Uncanny Counter, Love Alarm หรือ Solo Leveling โดยคอนเทนต์หลายเรื่องได้ถูกนำไปสร้างสรรค์ใหม่ในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งซีรีส์และภาพยนตร์

จากความสำเร็จของวัฒนธรรมเคป๊อปในไทยยาวมาถึงยุคของซีรีส์เกาหลีที่ถูกพูดถึงต่อเนื่องเสมอ นอกจากนี้ คนไทยยังมีการใช้อินเทอร์เน็ตมากถึง 69.5% ดังนั้น จึงไม่แปลกที่จะเลือกไทยเป็น ประเทศแรก ในการเปิดตัว คาเคา เว็บตูน (Kakao Webtoon) (ส่วนเกาหลีใช้ชื่อว่า Kaokao Page) โดยเปิดตัวไปเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยหลังเปิดตัวในไทย 4 วัน สร้างรายได้กว่า 10 ล้านบาท ปัจจุบัน มียอดดาวน์โหลดกว่า 5 แสนครั้ง มียอดผู้ใช้งานรายวัน 1 แสนราย

Kaokao Page ในเกาหลี

คู่แข่งมาก แต่ไม่น่ากลัวเท่าอ่านเถื่อน

หากพูดถึงแพลตฟอร์มอ่านการ์ตูนในไทยถือว่ามีเยอะพอสมควร ที่น่าจะคุ้น ๆ ได้แก่ LINE WEBTOON, COMICO, WECOMICS TH, MANGA PLUS แต่ ดร.ยางวอน ฮยอน กรรมการผู้จัดการ Kakao Webtoon ประเทศไทย มองว่ามาช้ากว่าคู่แข่งจริงแต่ ไม่เป็นอุปสรรค เพราะก่อนเข้ามาทำตลาดอย่างจริงจัง บริษัทต้องมั่นใจในทุก ๆ ด้าน โดยเฉพาะเรื่อง คอนเทนต์ ซึ่งถือเป็นจุดแข็งเพื่อใช้ในการแข่งขันในตลาด โดยที่ผ่านมา บริษัทลงทุนเพื่อ acquire IPs หรือคอนเทนต์ที่มีคุณภาพเข้ามามากอยู่ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญและเป็นแม่เหล็กที่จะดึงดูดนักอ่านให้เข้ามาอ่าน KAKAO WEBTOON มากยิ่งขึ้น

สำหรับคอนเทนต์แปลไทยปัจจุบันมีกว่า 90 เรื่อง โดยมีเรื่องดัง ๆ อาทิ Solo Leveling, Overgeared, Tomb Raider King หรือที่นิยมอีกแนวคือโรแมนซ์แฟนตาซี เช่น มงกฎสีมรกต, ใจว่างเปล่าของดัชเซส, ปล่อยฉันจากพันธนาการ, เป็นตัวร้ายก็ต้องตายเท่านั้น และ ศิษย์ทั้งห้าของชาร์ล็อตต์ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ความยากและความท้าทายแรกของแพลตฟอร์ม คือการตั้งรับและรับมือกับ เว็บไซต์ละเมิดลิขสิทธิ์ เพราะช่วงแรกที่เปิดตัวมีคอนเทนต์ 50 จาก 70 เรื่อง บนแพลตฟอร์มมีแปลไทยอยู่ในเว็บเถื่อน ดังนั้น ที่ผ่านมา คาเคา เว็บตูน ไทยแลนด์ มีแคมเปญที่ร่วมมือกับครีเอเตอร์ไทยชื่อว่า “เริ่มที่คุณ หยุดละเมิดลิขสิทธิ์” โดยแจ้งชัดเจนว่าแพลตฟอร์มคือเจ้าของเว็บตูนเกาหลีตัวจริง รวมถึงเปิดช่องทางให้ผู้อ่านช่วยแจ้งเบาะแสเว็บไซต์ที่ยังละเมิดลิขสิทธิ์ให้

“อาจดูย้อนแย้งแต่เราเห็นว่ามีเว็บเถื่อนเลยมาเปิดแพลตฟอร์ม เรามองว่าเขาอ่านเถื่อนเพราะไม่มีทางเลือก แต่เราเห็นว่าคนรุ่นใหม่สนับสนุนสิ่งที่ถูกต้องมากขึ้น ดังนั้น เขาจะเลือกเรา”

ดร.ยางวอน ฮยอน กรรมการผู้จัดการ Kakao Webtoon ประเทศไทย

ราคาดี มีฟรีให้อ่าน

Kakao Webtoon มีโมเดลการหารายได้ที่คล้ายกับหลาย ๆ แพลตฟอร์มคือการซื้อ แคช เริ่มต้นที่ 59 บาท ได้ 2,360 แคช สูงสุด 2,100 บาท ได้ 84,000 แคช โดยผู้ใช้สามารถนำแคชเพื่ออ่านการ์ตูนได้ โดยบริษัทมั่นใจว่าราคา ดีกว่าคู่แข่ง นอกจากนี้ยังมีระบบที่เรียกว่า Wait or Pay หรือ รออ่านฟรี โดยคอนเทนต์ทั้งหมดจะเปิดให้อ่านฟรี แต่จะมีกำหนดระยะเวลารอ 3-7 วัน ในขณะที่คอนเทนต์ราว 70% จากจำนวน 90 เรื่อง จะเปิดให้อ่านฟรีโดยมีระยะเวลาการรอเพียง 1-3 วัน

ปัจจุบัน สัดส่วนผู้ที่เสียเงินมีประมาณ 12-13% แม้จะดูเหมือนน้อยแต่สูงกว่าค่าเฉลี่ยที่จะอยู่ประมาณ 5-7% เท่านั้น อย่างไรก็ตาม แพลตฟอร์มไม่ได้มองว่ารายได้จากการจ่ายของผู้ใช้เป็นรายได้หลัก แต่ในระยะกลาง-ยาว จะเน้นการขายลิขสิทธิ์เพื่อไปพัฒนาเป็นคอนเทนต์ประเภทต่าง ๆ อาทิ ซีรีส์, ภาพยนตร์ ดังนั้น มีโอกาสที่จะเห็นการ์ตูนเกาหลีถูกทำเป็นละครไทยได้ในอนาคต

อย่างไรก็ตาม Kakao Webtoon จะมีความแตกต่างจากแอปอ่าน Webtoon อื่น ๆ คือ จะไม่ได้มีการเปิดรับคอนเทนต์การ์ตูนจากนักเขียนรายย่อย แต่จะเน้นไปที่การทำสัญญากับสตูดิโอ หรือนักเขียนที่มีชื่อเสียงแทน อย่างในประเทศไทยจะมีการจับมือกับ รอมแพง ผู้เขียนนวนิยาย บุพเพสันนิวาส โดยจะนำไปสร้างเป็นการ์ตูน Webtoon โดยทีมงานที่ประเทศเกาหลี

คนไทยติด ‘มังงะ’ มากกว่า แต่ ‘มันฮวา’ ยังมีโอกาสโต

ต้องยอมรับว่ากลุ่มผู้อ่านไทยยังมีทัศนคติกับคอนเทนต์เกาหลีในแง่ลบ ส่วนใหญ่คู่แข่งจะเห็นว่าการ์ตูนเกาหลีเป็นการ์ตูนผู้หญิงเยอะ ซึ่งในแง่จำนวนต้องยอมรับว่าคอนเทนต์ผู้หญิงมีมากกว่าการ์ตูนผู้ชาย อย่างไรก็ตาม เริ่มเห็นว่ากลุ่มที่ชื่นชอบมังงะญี่ปุ่นก็เริ่มเปิดใจอ่าน ปัจจุบัน กลุ่มผู้ใช้คาเคา เว็บตูน 60% เป็นผู้หญิง กลุ่มอายุ 18-34 ปี มากที่สุด รองลงมาอายุ 13-17 ปี

ตลาดการ์ตูนประเทศไทยทั้งแบบรูปเล่มและดิจิทัลซึ่งรวมถึงการ์ตูนนิทานสำหรับเด็กคาดว่ามีมูลค่าประมาณ 3 พันล้านบาท โดยมั่นใจว่ายังเติบโตได้อีก เนื่องจากตลาดการ์ตูนของเกาหลีมีอายุกว่า 20 ปี ปัจจุบันมีมูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาท ซึ่งตอนนี้หนังสือแบบเล่มอยู่ในขาลง แต่ในรูปแบบดิจิทัลกำลังเติบโตอย่างมาก ดังนั้น การ์ตูนจากนี้จะทรานส์ฟอร์มเป็นดิจิทัลมากขึ้น ยิ่งคนใช้มือถือมากก็ยิ่งมีคนอ่านเยอะขึ้น ส่วนแบบรูปเล่มจะอยู่ในกลุ่มนักสะสมแทน

“เรามองว่าการ์ตูนจะเปลี่ยนรูปแบบไป ขนาดญี่ปุ่นแม้จะมีความอนุรักษ์นิยมแต่ปัจจุบันก็มีแพลตฟอร์มอ่านออนไลน์ และเราเชื่อว่าอนาคต มันฮวาของเกาหลีจะสามารถสู้กับมังงะของญี่ปุ่นได้”

itawwon class มันฮวาที่ถูกนำไปทำเป็นซีรีส์

ตั้งเป้า 3 ล้านดาวน์โหลดในสิ้นปี

แม้ว่าคนไทยจะชื่นชอบซีรีส์เกาหลี และที่ผ่านมากระแสซีรีส์ที่สร้างจากมันฮวาจะมาแรง แต่ปัจจุบันยังไม่เห็นผลอะไรมาก เนื่องจาก KAKAO WEBTOON เพิ่งเปิดตัวในเมืองไทย ซึ่งผู้ชมซีรีส์ส่วนใหญ่อาจจะยังไม่ได้รู้จักแพลตฟอร์มดีนัก แต่ในเกาหลีถือว่าได้รับผลตอบรับดีมาก ๆ โดยผู้ที่ไม่เคยอ่านการ์ตูนมาก่อนก็เริ่มมาอ่านเนื่องจากดูซีรีส์

“เราเชื่อว่าแนวโน้มในไทยจะเหมือนเกาหลีที่สุดท้ายก็จะหาออริจินัลสตอรี่เรื่องนั้นมาอ่านต่อ สำหรับที่ไทยในช่วงต้นปีหน้าจะมีซีรีส์ Office Blind date (นัดบอดวุ่น ลุ้นรักท่านประธาน) เราคาดหวังว่า เราจะได้กระแสตอบรับเป็นอย่างดีไปด้วยแน่นอน”

ทางแพลตฟอร์มจะปล่อยเรื่องใหม่ให้อ่านอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3-5 เรื่อง และตั้งเป้าว่าจะปล่อยพรีเมียมเค-เว็บตูน ที่ได้รับความนิยมสูงสุด และประสบความสำเร็จในหลาย ๆ ประเทศเป็นจำนวนอย่างน้อย 150 เรื่องภายในปีนี้ สำหรับเป้าหมายในปีนี้ตั้งเป้าหมายการดาวน์โหลดไว้ที่ 3 ล้านครั้ง และยอดผู้ใช้งานแอปต่อเดือน จำนวน 1 ล้านคน รวมถึงต้องการเป็นแอปที่มียอดขายอันดับ 1 ในประเทศไทย ในหมวดการ์ตูน และเอนเตอร์เทนเมนต์