ซีอีโอ ‘JD.COM’ ประกาศลงจากตำแหน่ง หลังเกิดการจัดระเบียบ Big Tech ในจีน

ภาพจาก technode.com
นับตั้งแต่ปลายปี 2020 จีนเริ่มจัดระเบียบอุตสาหกรรมใหม่ ๆ ซึ่งหลายมาตรการได้กำหนดเป้าหมายไปที่ภาคอินเทอร์เน็ตโดยทางการจีนยังได้เปิดตัวกฎข้อบังคับและบทลงโทษทางโดยเฉพาะ ทำให้เหล่ายักษ์ใหญ่เริ่มมีการเคลื่อนไหว ล่าสุด ซีอีโอ JD.COM อีคอมเมิร์ซเบอร์ 2 ของจีนก็ประกาศลงจากตำแหน่งไปอีกราย

ในปี 2019 แจ็ค หม่า (Jack Ma) ผู้ร่วมก่อตั้ง Alibaba Group Holding บริษัทอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่เบอร์ 1 ของจีน ได้ก้าวลงจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการ และในปี 2021 จางอีหมิง (Zhang Yiming) ผู้ก่อตั้ง ByteDance ประกาศว่าเขาจะก้าวลงจากตำแหน่งซีอีโอ เช่นเดียวกันกับ Colin Huang ผู้ก่อตั้งบริษัทโซเชี่ยลอีคอมเมิร์ซ Pinduoduo ที่จะลงจากตำแหน่งซีอีโอในปีนี้

ล่าสุดก็ถึงคิวของ ริชาร์ด หลิว (Richard Liu) หรือ หลิวเฉียงตง ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ JD.com ที่จะก้าวลงจากตำแหน่ง โดยจะเน้าไปโฟกัสที่กลยุทธ์ระยะยาวของบริษัทและการพัฒนาในชนบทแทน โดย Xu Lei ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ JD Retail จะได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นประธานของ JD โดย Lijun Xin เดิมเป็นซีอีโอ JD Health เปลี่ยนเป็นซีอีโอส่วนธุรกิจค้าปลีกของ JD Retail แทน และ Enlin Jin เป็นซีอีโอส่วนธุรกิจ JD Health โดยมีผลทันที

“ซีอีโอจะอุทิศเวลามากขึ้นในการกำหนดกลยุทธ์ระยะยาวของบริษัท รวมถึงให้คำปรึกษาแก่ผู้บริหารรุ่นเยาว์  และ สนับสนุนการฟื้นฟูพื้นที่ชนบท” บริษัทกล่าวในการแถลงข่าว

การเคลื่อนไหวของเหล่ามหาเศรษฐีเทคโนโลยีชาวจีนหลายรายที่ก้าวลงจากตำแหน่งสูงสุด อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดระเบียบเหล่าบริษัทเทคโนโลยีของรัฐบาลจีน โดยข้อเรียกร้องล่าสุดจากทางการจีนก็คือ การให้คนร่ำรวยมีส่วนทำให้เกิด “ความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน” ซึ่งการที่หลิวระบุว่าจะเน้นพัฒนาชนบทมากขึ้น อาจเป็นการตอบรับต่อนโยบายของรัฐ

อย่างไรก็ตาม สำหรับหลิวแล้ว การลงจากตำแหน่งซีอีโออาจไม่ใช่แค่ปัจจัยเดียว เพราะในปี 20218 หลิวเคยถูกตำรวจควบคุมตัวในมินนิอาโปลิส มินนิโซตา เนื่องจากถูกกล่าวหาว่า ข่มขืนนักศึกษาหญิง ที่เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยมินนิโซตา แต่สุดท้ายข้อกล่าวหาทางก็ถูกเพิกถอน

ทั้งนี้ ผลประกอบการของ JD.com ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมายังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยผู้ใช้งานประจำปีของแพลตฟอร์มเพิ่มขึ้น 27% ในไตรมาสที่สอง รายได้เพิ่มขึ้น 26% ในไตรมาสนี้ โดยแตะระดับ 253.8 พันล้านหยวน (39.32 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)

Source