บริษัท ซินโนเวต ซึ่งเป็นวิจัยการตลาดในประเทศไทย ได้ทำการวิจัยหัวข้อ “การพัฒนาการดำรงชีวิตอย่างยั่งยืนของคนกรุงเทพฯ” พบว่าคนกรุงเทพรับรู้ถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมในระดับที่สูงมาก และพร้อมที่จะปรับพฤติกรรมเพื่อช่วยลดมลภาวะ
ผู้บริโภคมีความตั้งใจที่จะลดการทำลายสิ่งแวดล้อมสูงถึง 73% และพร้อมร่วมมือในการรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์ 70%, มีเพียง 25% มีความพึงพอใจที่จะซื้อผลิตภัณฑ์ใช้แล้ว, ผลิตภัณฑ์มือสอง หรือผลิตภัณฑ์รีไซเคิล และไม่ต้องการซื้อผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นมาใหม่
มีผู้บริโภคจำนวน 80% ยืนยันว่าเต็มใจที่จะจ่ายเงินเพิ่มขึ้นสำหรับผลิตภัณฑ์ประหยัดพลังงาน หากผลิตภัณฑ์นั้นสามารถลดค่าใช้จ่ายมากกว่าในระยะยาว
สำหรับประเภทของผลิตภัณฑ์ที่มีความเกี่ยวเนื่องกับแนวความคิดผลิตภัณฑ์สีเขียว ผู้บริโภคจดจำห้ารายการหลักที่ผู้บริโภคคำนึงถึงผลิตภัณฑ์สีเขียว คือตู้เย็น 95%, คอมพิวเตอร์ 92%, เครื่องซักผ้า 87%, เครื่องปรับอากาศ 78% และเครื่องทำน้ำอุ่น 56%
ดังนั้นผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีความเป็นไปได้มากขึ้นที่จะได้ประโยชน์และคุณค่าใน การเสนอการประหยัดประพลังงาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มากกว่าผลิตภัณฑ์อื่นๆ
จากการศึกษายังแสดงให้เห็นว่า ยิ่งผลิตภัณฑ์ที่มีความเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของผู้บริโภคมากก็จะส่งผลให้ ผู้บริโภคมีการพิจารณาเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในด้าน “ความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” การผูกพันกับแบรนด์ แต่ที่เห็นชัดคือ ความสำเร็จในการนำ “ความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” ก็ยังคงความแตกต่างกันไปตามประเภทของผลิตภัณฑ์
แนวความคิดการรักษาสิ่งแวดล้อมยังต้องใช้เวลาอีกนาน แต่ก็ได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง ผู้ผลิตสินค้าจะควรใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ให้มากที่สุด ด้วยการนำข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคมาปรับใช้ในการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์และบริการโดยให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคมากที่สุดโดยให้มีผลกระทบกับผู้บริโภคน้อยที่สุด
การสำรวจ “การใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนของชาวกรุงเทพมหานคร” ได้ทำการสำรวจจากผู้ตอบแบบสอบถามประมาณ 200 คน และ ที่มีอายุเกิน 18 ปีในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ได้ดำเนินการสำรวจช่วงเดือนกันยายน 2553 โดยมีวัตถุประสงค์ของการสำรวจจากพฤติกรรมการดำเนินชีวิตอย่างเร่งรีบและทัศนคติที่มีต่อการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนในสังคมเมือง ผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมดทำการสัมภาษณ์แบบออนไลน์จากประชาชนทั่วไป
