เปิดแนวคิด “สเวนเซ่นส์ กาดฝรั่ง” โมเดลคอนเซ็ปต์ สโตร์ สไตล์ “มินิมัล ล้านนา”


สเวนเซ่นส์ผุดโมเดลใหม่ “คอนเซ็ปต์ สโตร์” ประเดิมสาขาแรกที่ “กาดฝรั่ง” จ.เชียงใหม่ ด้วยดีไซน์สไตล์ “มินิมัล ล้านนา” หวังเป็นจุดเช็กอิน สร้างเอ็นเกจเมนต์กับผู้บริโภคมากขึ้น


เจาะวิธีคิดคอนเซ็ปต์ สโตร์

สเวนเซ่นส์แบรนด์ยักษ์ใหญ่ในตลาดไอศกรีมระดับพรีเมียม ที่ทำตลาดในไทยมาร่วม 35 ปีแล้ว ที่ผ่านมาสเวนเซ่นส์มีกลยุทธ์หลักการขยายสาขาให้เข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น บวกกับการออกเมนูใหม่ๆ เพื่อสร้างสีสันให้ตลาด แต่ยุคนี้พบว่าการมีร้านแค่ 1 โมเดล ไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคแล้ว

ในช่วงปีที่ผ่านมาสเวนเซ่นส์ได้นำร่องเปิดสาขาด้วยโมเดลใหม่ๆ ทั้ง Regional Flagship Store เนรมิตสาขารูปแบบสแตนด์อโลน พร้อมกับดีไซน์ที่เบลด์ให้เข้ากับวัฒนธรรมท้องถิ่นนั้นๆ ปัจจุบันมี 3 สาขา ได้แก่ ภูเก็ต, ยะลา และน่าน อีกทั้งยังมีโมเดล “ป๊อปอัพ สโตร์” ครั้งแรก ด้วยการแตกแบรนด์ใหม่ Sweet Aholic by Swensen’s คอนเซ็ปต์คาเฟ่ขนมหวาน ในตอนนั้นได้เปิดโลเคชั่นแรกที่สามย่านมิตรทาวน์

ปีนี้สเวนเซ่นส์ได้เปิดโมเดลใหม่แกะกล่องอีกแห่ง กับรูปแบบ “คอนเซ็ปต์ สโตร์” ประเดิมสาขาแรกที่ “กาดฝรั่ง” จ.เชียงใหม่ รูปแบบนี้จะให้ความแตกต่างจากร้านสาขาปกติ มีความพิเศษกว่าที่การตกแต่งร้าน แต่ยังไม่ยิ่งใหญ่ถึงขนาดเป็นรูปแบบ Regional Flagship Store

 อนุพนธ์ นิธิยานันท์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท สเวนเซ่นส์ (ไทย) จำกัด เล่าว่า

“ที่สาขากาดฝรั่งจะเรียกเป็นคอนเซ็ปต์ สโตร์ เนื่องจากอยู่ในศูนย์การค้า จะแตกต่างจาก Regional Flagship Store ที่เป็นแบบสแตนด์อโลน และมีเอกลักษณ์ตามวัฒนธรรมท้องถิ่นโดยเฉพาะ จริงๆ ที่เชียงใหม่เป็นทำเลที่มีศักยภาพ แต่ด้วยที่ในจังหวัดมี 6 สาขาแล้ว สาขานี้เป็นสาขาที่ 7 ถ้าไปลงทุนสาขาใหญ่มาก มันจะดึงกันเอง และเชียงใหม่เป็นจังหวัดที่แตกเมืองเยอะมากๆ เลยคิดว่าไปเปิดตามมุมต่างๆ จะดีกว่า”

แต่สาขานี้จะไม่มีเมนูเอ็กซ์คลูซีฟเหมือนกับสาขา Regional Flagship Store อย่างที่ยะลาจะมีเมนูกล้วยหินซันเดย์ ส่วนที่กาดน่านจะมีเมนูไอศกรีมกะทิบัวลอย รวมถึงชุดยูนิฟอร์มของพนักงานก็เป็นชุดปกติ ไม่ได้มีชุดพื้นเมือง

อีกหนึ่งความน่าสนใจของการสร้างคอนเซ็ปต์ สโตร์ ก็คือ ต้องการดึงดูดความสนใจจากชาวเชียงใหม่ เป็นที่ทราบกันดีว่าที่เชียงใหม่มีคาเฟ่ ร้านกาแฟ ร้านขนมหวานเยอะมาก สเวนเซ่นส์ไม่ได้เป็นร้านที่หวือหวาเหมือนร้านกาแฟ แต่อยากทำให้ร่วมสมัย และตอบโจทย์คนเชียงใหม่ให้มากที่สุด


สไตล์ มินิมัล ล้านนา

ไอเดียการออกแบบของสาขากาดฝรั่งนั้น จะเป็นสถาปัตยกรรมแบบล้านนาของเชียงใหม่ ผสมกับคาแร็กเตอร์ของสเวนเซ่นส์ ทำให้สาขานี้ได้เห็นภาพแห่งวิถีชีวิตของชาวเชียงใหม่ที่มีความเรียบง่าย แต่มีกลิ่นแห่งศิลปะ และความสนุกสนานอยู่เสมอ

โดยจะเห็นได้จากการออกแบบที่ทำให้คนทั่วไปเข้าใจได้ง่าย เห็นสถาปัตยกรรมล้านนาชัดเจน แต่มีการเลือกใช้วัสดุที่เรียบแต่มีความลึกในเชิงนามธรรม การใช้ผนังฉาบปูนแบบไม่ตกแต่งให้เรียบร้อย การดึงแสงธรรมชาติเข้ามาให้บรรยากาศภายในร้านมีความกลมกลืนทั้งของตกแต่งภายใน และภายนอกมีการทาผนังภาพนูนต่ำเป็นกราฟิกเล่าเรื่องความละมุนของชาวเชียงใหม่

รวมถึงการตกแต่งโดยใช้โคมลอยประยุกต์ หรือโคมยี่เป็ง ผสมเข้ากับกับโคมทิฟฟานี่ที่เป็นซิกเนเจอร์ของสเวนเซ่นส์มาช้านาน เป็นการเบลนด์ให้เข้ากันอย่างลงตัว

“สาขานี้ใช้เวลาในการศึกษาออกแบบ 2 เดือน และใช้เวลาก่อสร้างอีก 2 เดือน เนื่องจากติดช่วงสถานการณ์ COVID-19 ทำให้ล่าช้ากว่าปกติเล็กน้อย โดยดีไซน์จะเน้นโทนขาวๆ คลีนๆ มินิมัล มีความเป็นชาวเหนือ พร้อมกับดึงจุดเด่นของเชียงใหม่อย่างยี่เป็งมาเชื่อมโยงกับทิฟฟานี่ แลมป์ที่เป็นจุดเด่นของสเวนเซ่นส์ จึงได้คอนเซ็ปต์อย่างลงตัว”

พร้อมกับมีบัตรสมาชิกลายพิเศษ กาดฝรั่ง เป็นบัตรสมาชิกที่จัดทำขึ้นสำหรับขายสาขากาดฝรั่งเท่านั้น มีจำนวนจำกัด ราคาเพียง 299 บาท ลายบัตรคือนำ Perspective ของร้านมาจัดทำเป็นภาพสีน้ำ ออกแบบให้ดูละมุน และมีความน่ารัก


สร้างร้านให้มีสตอรี่

เนื่องจากสาขาคอนเซ็ปต์ สโตร์ จะอยู่กึ่งกลางระหว่างร้านปกติทั่วไป กับร้าน Regional Flagship Store การจะเปิดสาขาใหม่นั้น ต้องมีวิธีการเลือกที่แตกต่างจากร้านทั่วไป แต่ไม่ใหญ่เท่า Regional Flagship Store

อนุพนธ์ บอกว่า หลักการเลือกโลเคชั่นในการขยายสาขาคอนเซ็ปต์ สโตร์นั้น สาขาจะต้องอยู่ในศูนย์การค้า หรือคอมมูนิตี้ มอลล์ ในจังหวัดนั้น อาจจะมีหลายสาขาอยู่แล้วก็ได้ เพียงแต่สร้างความแตกต่าง ทำให้ร้านมีสตอรี่เชื่อมโยงกับพื้นที่ เพื่อให้เกิดความตื่นเต้น แต่ร้านจะไม่สเกลใหญ่ จังหวัดเล็กๆ ก็สามารถเปิดได้

ร้านคอนเซ็ปต์ สโตร์จะต้องมีพื้นที่เฉลี่ยขนาด 100-120 ตารางเมตร จะเล็กว่า Regional Flagship Store ที่มีขนาด 150 ตารางเมตรขึ้นไป

โดยที่ทำเลของกาดฝรั่งเป็นคอมมูนิตี้ มอลล์ที่มีศักยภาพสูง อยู่ในเส้นหางดง จับโซนนอกเมืองที่เดลิเวอรี่เข้าไม่ถึง และในละแวกนั้นมีชาวต่างชาติอาศัยอยู่แถวนั้นเยอะ มีหมู่บ้านเยอะ ชุมชนเยอะอีกด้วย

ในอนาคตมีแผนที่จะขยายสาขา Regional Flagship Store อีก 3-4 สาขา จะเป็นการขยายตามโลเคชั่นที่เจาะเซ็กเมนต์มากขึ้น เช่น ภาคเหนือตอนบน เหนือตอนล่าง อีสานตอนบน อีสานตอนล่าง หรือแม้แต่ภาคใต้ ก็เป็นฝั่งอ่าวไทย และฝั่งอันดามัน

ปัจจุบันลูกค้าของสาขากาดฝรั่งแบ่งเป็นลูกค้าในพื้นที่ 90% และนักท่องเที่ยว 10% มีการคาดการณ์ว่า ถ้าสถานการณ์กลับมาเป็นปกติ จะมีสัดส่วนลูกค้าในพื้นที่ 70% และนักท่องเที่ยว 30%

ต้องบอกว่าการไม่หยุดพัฒนาโมเดลใหม่ๆ หรือนวัตกรรมใหม่ๆ ของสเวนเซ่นส์ ทำให้แบรนด์มีสีสัน และเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างต่อเนื่อง เพราะมีการพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ที่ปัจจุบันมีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ยิ่งทำให้สเวนเซ่นส์เป็นอีกหนึ่งแบรนด์เลิฟที่คนไทยทุกเพศทุกวัยต้องหลงรักอย่างแน่นอน