‘แจ็ค หม่า’ โผล่ยุโรป! ดันหุ้น Alibaba พุ่ง 9%

Photo : Shutterstock
ย้อนไปปลายปี 2020 ‘แจ็ค หม่า’ (Jack Ma) ผู้ก่อตั้งอาณาจักรอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ อาลีบาบา Alibaba.com ได้เคยหายหน้าหายตาไป หลังจากวิจารณ์ถึงระบบการกำกับดูแลระบบการเงิน และการเปิดกว้างในการพัฒนานวัตกรรมใหม่ของทางการจีน จากนั้นช่วงเดือน ม.ค. 64 ก็ปรากฏตัวต่อสาธารณชนทางวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ จากนั้นก็หายยาว ในขณะที่อาลีบาบากลายเป็นเป้าหมายของรัฐบาลในการปราบปรามในหลายประเด็น โดยเฉพาะการผูกขาดตลาด

ล่าสุด หุ้นของอาลีบาบาในฮ่องกงพุ่งขึ้นถึง 9% หลังจากมีรายงานว่า แจ็ค หม่า เดินทางไปยุโรป รวมถึงการเปิดตัวชิปเซ็ตประมวลผลตัวใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงขนาด 5 นาโนเมตร และใช้สถาปัตยกรรมไมโครจากบริษัทอาร์ม (Arm) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของซอฟต์แบงก์ กรุ๊ป

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา East Week สื่อสิ่งพิมพ์ในฮ่องกงรายงานว่า แจ็ค หม่า ได้เดินทางไปสเปนในช่วงสุดสัปดาห์กับเพื่อน ๆ มหาเศรษฐีและหุ้นส่วนทางธุรกิจเพื่อพักผ่อนบนเรือสำราญ รายงานอ้างแหล่งข่าวที่ไม่สามารถระบุชื่อได้เนื่องจากการพิจารณาการรักษาความลับ

South China Morning Post ซึ่งมีอาลีบาบาเป็นเจ้าของ ได้ตีพิมพ์บทความที่รายงานว่า แจ็ค หม่า อยู่ในสเปนเพื่อทัวร์ศึกษาด้านการเกษตรและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับปัญหาสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม อาลีบาบา ยังไม่สามารถแสดงความคิดเห็นได้ หลังจากมีการติดต่อเพื่อยืนยันข้อมูล

“ไม่ต้องสงสัยเลยว่า แจ็ค หม่า ที่หายตัวไปจะมีผลกระทบอย่างน้อย 10% ต่อราคาหุ้นของอาลีบาบา เนื่องจากนั่นเป็นหนึ่งในความไม่แน่นอนที่นักลงทุนจำนวนมากมีเกี่ยวกับหุ้น” Tariq Dennison ผู้มั่งคั่ง ผู้จัดการของ GFM Asset Management ในฮ่องกงกล่าวกับ CNBC

Photo : Getty Images

ย้อนไปตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว แจ็ค หม่า ได้หายหน้าหายตาไป หลังจากที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์หน่วยงานกำกับดูแลของจีน และจากนั้น อาลีบาบาก็ถูกทางการจีนจับตา นอกจากนี้ยังถูกคณะบริหารดูแลด้านการตลาดแห่งรัฐ (China’s State Administration for Market Regulation : SAMR) สั่งปรับอาลีบาบาเป็นจำนวนเงิน 18,000 ล้านหยวน หรือราว 86,400 ล้านบาท ในข้อหาละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด และใช้อำนาจทางการตลาดในทางที่ผิด

นอกจากนี้ ยังสั่งเบรกการ IPO ของ Ant Group ในเดือนพฤศจิกายน ที่หลายคนมองว่าจะเป็นดีลที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยมูลค่าราว 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยปัจจุบัน หุ้นที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ ของอาลีบาบาลดลงมากกว่า 23% เมื่อเทียบเป็นรายปี

Source