ถึงจีนจะเป็นตลาดที่ใหญ่ แต่ Xpeng สตาร์ทอัพรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนก็ไม่ได้หวังจะอยู่แค่ในจีน แต่ตั้งเป้าที่จะเป็นผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลก โดยต้องการให้ยอดขายรถยนต์ครึ่งหนึ่งมาจากต่างประเทศ
“ในฐานะบริษัทที่มุ่งเน้นไปที่โอกาสระดับโลก ในระยะยาว เราต้องการสร้างสมดุลของยอดขายเรา โดยครึ่งหนึ่งมาจากจีน อีกครึ่งหนึ่งมาจากนอกประเทศจีน” Brian Gu รองประธานและประธาน Xpeng กล่าว
Gu ไม่ได้กำหนดเวลาว่าจะบรรลุเป้าหมายนั้นเมื่อไหร่ โดยเขาได้ยกตัวอย่างของ เทสลา ว่าในไตรมาสที่ 3 ยอดขายของตลาดในประเทศคิดเป็น 46.6% ของยอดขายทั้งหมด ประเทศจีนคิดเป็น 22.6% ของยอดขาย เพิ่มขึ้นจากเพียงไม่ถึง 20% ในปีที่แล้ว
Gu กล่าวว่า Xpeng จะลงทุนในตลาดต่างประเทศมากขึ้นในปีนี้และปีหน้า โดยคาดว่าจะเข้าสู่ตลาดสวีเดน เดนมาร์ก และเนเธอร์แลนด์
ทั้งนี้ Xpeng เริ่มจัดส่งรถยนต์ไปยังนอร์เวย์ในเดือนธันวาคม 2020 ขณะที่ผู้ผลิตรถยนต์จีนรายอื่น ๆ ยังไม่ได้มุ่งเน้นการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ เนื่องจากตลาดจีนมีแรงหนุนจากรัฐบาลในการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า แต่ก็มีแบรนด์อย่าง Nio บริษัทสตาร์ทอัพสัญชาติจีนที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ ได้เปิดร้านแฟลกชิปสโตร์ในออสโล และเริ่มส่งมอบรถยนต์ในพื้นที่ช่วงเดือนกันยายน
นอกจากนี้ยังมีแบรนด์ BYD ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากมหาเศรษฐีชาวอเมริกันอย่าง Warren Buffett เริ่มจัดส่งรถยนต์ไฟฟ้าไปยังนอร์เวย์ในช่วงซัมเมอร์นี้และตั้งเป้าที่จะส่งมอบรถยนต์ 1,500 คันภายในสิ้นปีนี้ โดยบริษัทได้เปิดตัวการส่งมอบไปยังสาธารณรัฐโดมินิกัน, บราซิล, เม็กซิโก, โคลอมเบีย, อุรุกวัย, คอสตาริกา และบาฮามาสในเดือนตุลาคม
หุ้นของ Xpeng ที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมากกว่า 8% ในชั่วข้ามคืน หลังจากที่บริษัทรายงานรายได้ที่พุ่งขึ้นในไตรมาสที่ 3 โดยมาอยู่ที่ 5.72 พันล้านหยวน (887.7 ล้านดอลลาร์) โดย Gu คาดว่า ผู้ผลิตรถยนต์จะสามารถเข้าถึงจุดคุ้มทุนได้ภายใน 2 ปี
ทั้งนี้ ในช่วงปลายปี 2019 Gu เคยระบุว่า บริษัทคาดว่าจะไปถึงจุดคุ้มทุนในเวลาประมาณ 2-3 ปี หากสามารถผลิต 150,000 คันต่อปี ซึ่งเมื่อเดือนที่แล้ว Xpeng ได้ผลิตรถยนต์ไปแล้วกว่า 100,000 คัน นับตั้งแต่ก่อตั้งเมื่อ 6 ปีที่แล้ว