“Digital Lifestyle Ecosystem” โมเดลสำคัญของ K PLUS พร้อมทะยานเป็นแอประดับภูมิภาค พร้อมเปิดตัว K PLUS Vietnam


ตลอด 23 ปีที่ผ่านมา เคแบงก์ทุ่มพัฒนาศักยภาพของ K PLUS ในฐานะเบอร์ 1 ของแอปฯ โมบายแบงกิ้งในประเทศไทย จนทำให้ทุกวันนี้ K PLUS เป็นมากกว่าโมบายแบงกิ้งแล้ว ผลจากการต่อจิ๊กซอว์สร้าง Digital Lifestyle Ecosystemกับพาร์ทเนอร์ยักษ์ใหญ่ในแต่ละธุรกิจ ด้วยรูปแบบการเป็น Open Banking Platform เปิดทางให้ K PLUS เข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของลูกค้า เรียกว่า ถ้าลูกค้าใช้งานแอปอื่นๆ K PLUS ก็อยู่ในนั้น เพื่อทำให้ทุกคนสะดวกสบายทั้งการใช้จ่าย ช้อปออนไลน์ กู้เงิน สะสมแต้ม ลงทุน และอื่นๆ อีกเพียบ โดยเคแบงก์มีแผนพัฒนา K PLUS อีกหลายด้านเพื่อทำให้ K PLUS เป็นแพลตฟอร์มที่ทำให้ทุกคนเข้าถึงบริการทางการเงินได้ง่ายที่สุดทั้งในประเทศไทยและในระดับภูมิภาคอีกด้วย

ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา การใช้งาน “โมบายแบงกิ้ง” ของคนไทยเพิ่มสูงขึ้นมาก ด้วยการเข้าถึงเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้น,สถานการณ์ COVID-19 ที่ส่งผลกับการเดินทาง และเสริมแรงบวกด้วยโครงการรัฐต่างๆ เช่น คนละครึ่ง, เราเที่ยวด้วยกัน, โครงการเยียวยาผู้ประกันตน เป็นตัวเร่งให้คนไทยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมาใช้โมบายแบงกิ้ง โดยเฉพาะกลุ่มที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างเห็นได้ชัดอย่างกลุ่มคนต่างจังหวัด และกลุ่มเยาวชนวัย 15-22 ปี

ท่ามกลางการเติบโตของโมบายแบงกิ้ง ผู้นำในเทคโนโลยีด้านนี้คือ K PLUS จากเคแบงก์ครองอันดับ 1 ของตลาดเมื่อวัดจากจำนวนธุรกรรม (ข้อมูลเดือนสิงหาคม 2564) รวมถึงมีผู้ใช้งานมากที่สุดในประเทศอยู่ที่ 16.9 ล้านราย (ข้อมูลเดือนพฤศจิกายน 2564) โดยเคแบงก์ยังมุ่งมั่นรักษาความเสถียรของระบบใช้งาน มีความปลอดภัย รวมถึงสร้างความสะดวกในการใช้งาน และมีสิทธิประโยชน์เพื่อเพิ่มมูลค่ากับผู้ใช้งานให้ได้มากที่สุด

อย่างไรก็ตาม  เคแบงก์มองอนาคตว่าในโลกยุคใหม่ ผู้บริโภคจะใช้จ่ายผ่านดิจิทัลหลายด้านยิ่งขึ้นเรื่อยๆ สินค้าและบริการต่างๆ จะยิ่งรวมศูนย์อยู่บน ดิจิทัล แพลตฟอร์ม แม้แต่การใช้ชีวิตก็อาจจะเข้าไปอยู่ในโลกแห่ง ‘เมตาเวิร์ส’ ก็เป็นไปได้

เคแบงก์จึงพัฒนา K PLUS ให้พร้อมตอบสนองลูกค้าในทุกที่ที่ลูกค้าต้องการ ด้วยการสร้าง Digital Lifestyle Ecosystem สามารถเชื่อมโยงกับทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้าได้อย่างไร้รอยต่อ และรองรับจำนวนผู้ใช้ที่จะเพิ่มมากขึ้น ไม่เพียงแค่ในไทยแต่รวมถึงลูกค้าระดับภูมิภาค ตามวิสัยทัศน์ของเคแบงก์ที่จะเป็น Regional Digital Banking ในอนาคตอันใกล้ 


วางพื้นฐาน Open Banking Platform เพื่อผนึกพันธมิตร

บริการข้างต้นเป็นจุดเริ่มต้นจากภายในของ เคแบงก์ แต่ปัจจุบันธนาคารได้ขยายเครือข่าย Digital Lifestyle Ecosystem ให้กว้างขึ้นและเร็วขึ้นผ่านเครือข่ายพันธมิตรที่แข็งแกร่ง

การจะเชื่อมต่อ K PLUS เข้ากับบริการของพันธมิตรได้ ต้องมีการวางโครงสร้างพื้นฐาน API (Application Programing Interface) ให้สามารถเชื่อมต่อกับพาร์ทเนอร์ได้ โดย K PLUS มีการเปิดให้ ‘ต่อท่อ’ เป็น Open Banking Platform ทำให้การเชื่อมโยงระหว่างแอปพลิเคชันของพันธมิตรกับ K PLUS ทำได้ลื่นไหล ลดขั้นตอนจบได้ในไม่กี่คลิก เพราะถ้าการใช้งานมีขั้นตอนที่ยุ่งยากและซับซ้อน ลูกค้าอาจไม่เลือกใช้ รวมถึงความต้องการของลูกค้ามีรอบด้านเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้ดีที่สุด เคแบงก์และพันธมิตรจึงได้ร่วมมือกันเพื่อให้เกิด Super Ecosystemที่แข็งแรงและเติบโตไปด้วยกัน

ยกตัวอย่างความร่วมมือกับพันธมิตรที่เกิดขึ้นแล้ว เป็นการต่อท่อเพื่อใช้จ่ายผ่านหน้าอินเตอร์เฟซของพันธมิตรได้สะดวกขึ้น เช่น GrabPay Wallet สามารถเติมเงินได้ในแอปฯ เลยเมื่อใช้ K PLUS ไม่ต้องสลับมาที่แอปฯ ธนาคารอีก หรือเหล่าเกมเมอร์ค่าย Garena สามารถเติมเงินในเกมผ่านเว็บไซต์ Termgame.com และใช้ K PLUS จ่ายได้โดยตรง


K PLUS ตอบโจทย์การเงินบนโลก “ดิจิทัล”

ปัจจุบัน K PLUS เริ่มออกสตาร์ทเพื่อรองรับเทรนด์ Digital Lifestyle Ecosystem ไปแล้วหลายด้าน โดยมีการพัฒนาฟีเจอร์ให้รองรับกับไลฟ์สไตล์ทางการเงินของยุคใหม่ เช่น

  • K Pointลอยัลตี้โปรแกรมบนโลกดิจิทัล โดยลูกค้าที่ใช้บริการของธนาคารกสิกรไทยตามที่กำหนดจะได้รับ K Point เป็นคะแนนสะสมสำหรับใช้แทนเงินสดได้หลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายบิลค่าไฟฟ้า ค่าประปา ค่าบริการมือถือ เติมเงินใน e-Wallets เติมเกม เติม Easy Pass หรือใช้โอนแลกเป็นคะแนนสะสมของระบบ CRM แบรนด์ดังอื่นๆ เช่น The 1, PTT Blue Card, AIS Points, True Point รวมไปถึงใช้จ่ายแทนเงินสดที่หน้าร้านค้าที่ร่วมรายการด้วยการสแกน QR Code อีกทั้งยังสามารถนำคะแนนไปแลกซื้อสินค้าบน K+ market ซึ่งทั้งหมดนี้ สามารถทำได้เลยทันทีบน K PLUS
  • Wealth PLUS – บริการตัวช่วยวางแผนลงทุนส่วนตัวบน K PLUS ทำงานเสมือน ROBO Advisor แต่เหนือกว่าด้วยการมีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลควบคู่กันไปด้วย เพื่อช่วยวางแผนการลงทุนและเลือกกองทุนที่เหมาะกับลูกค้าแต่ละคนโดยเฉพาะ วิเคราะห์จากเป้าหมายการลงทุน เงินลงทุน ระยะเวลา และระดับความเสี่ยงที่ลูกค้ายอมรับได้ พร้อมระบบอัจฉริยะช่วยแจ้งเตือนและปรับแผนการลงทุนให้เหมาะกับสภาวะตลาดขณะนั้น โดยใช้เงินลงทุนเริ่มต้นเพียง 1,000 บาทเท่านั้น รวมถึงมีบริการลงทุนรายเดือนอัตโนมัติ (DCA) ก็เริ่มต้นเพียง 500 บาท บริการอัตโนมัติเหล่านี้ทำให้ Wealth PLUS เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยแก้โจทย์ให้ลูกค้าที่ยังไม่กล้าลงทุน ไม่มีเวลาศึกษาข้อมูลการลงทุน หรือกังวลเวลาเห็นข่าวตลาดผันผวนรุนแรง
  • โอนเงินต่างประเทศK PLUS ร่วมมือกับพันธมิตร FinTech แก้ pain point ของการโอนเงินต่างประเทศแบบเดิมๆ ที่ใช้เวลานานกว่าเงินจะถึงปลายทาง ค่าธรรมเนียมแพง และต้องไปที่ทำธุรกรรมหน้าสาขา ด้วยเทคโนโลยีนี้ทำให้ลูกค้าโอนเงินถึงปลายทางได้รวดเร็วแบบเรียลไทม์ ถึงภายใน 3 วันทำการ (ขึ้นอยู่กับประเทศและธนาคารปลายทาง) ค่าธรรมเนียมถูกกว่า สามารถโอนเงินเองได้ผ่าน K PLUS รองรับแล้ว 14 สกุลเงินใน 32 ประเทศที่คนในไทยนิยม เช่น ดอลลาร์สหรัฐ ดอลลาร์สิงคโปร์ ดอลลาร์ออสเตรเลีย ปอนด์ ยูโร เยน วอน และล่าสุด สกุลเงินหยวน เป็นต้น
  • Digital Lending บริการสินเชื่อดิจิทัลที่ธนาคารเน้นให้กลุ่มคนตัวเล็กที่ไม่เคยกู้เงินได้เพราะไม่มีสลิป ไม่มีรายได้แน่นอน ให้สามารถยื่นกู้ได้ง่ายขึ้น ด้วยการใช้ AI และ Machine Learning ประกอบกับความเชี่ยวชาญของธนาคารในการพิจารณาเครดิตภายใต้ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ เพื่อให้ลูกค้าสามารถสมัครสินเชื่อได้ด้วยตัวเองผ่าน K PLUS ใช้เวลาสมัครไม่เกิน 15 นาทีก็ทราบผลอนุมัติ และรับเงินทันที

ที่สำคัญคือ เคแบงก์กำลังนำแนวคิดธุรกิจนี้ขยายไปยังเวียดนาม เดินหน้าด้วยดิจิทัล แบงกิ้งอย่างเต็มรูปแบบเป็น “K PLUS Vietnam” โมบายแบงกิ้งที่ต่อยอดจากต้นแบบ K PLUS ในประเทศไทย และเตรียมแผนขยายการลงทุนด้านดิจิทัลในธุรกิจต่างๆ ด้วยเป้าหมายเพื่อขยายฐานลูกค้าและเพิ่มจำนวนพันธมิตรทางธุรกิจ สู่การเป็น Super Ecosystem ทางการเงินในระดับภูมิภาค