เเรงงานในสิงคโปร์ที่ไม่ยอมฉีดวัคซีนโควิด กำลังจะตกอยู่บน ‘ความเสี่ยง’ ที่จะตกงาน หลังรัฐบาลเริ่มใช้มาตรการคุมเข้มที่ประกาศใช้ตั้งเเต่วันที่ 15 ม.ค. เป็นต้นไป
Bloomberg รายงานว่า ช่วงเวลาผ่อนปรนที่รัฐเคยอนุญาตให้ผู้ที่ยังไม่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 หรือผู้ที่ตรวจพบเชื้อเป็นลบสามารถเข้าไปในที่ทำงานได้จะถูกยกเลิก ตั้งเเต่วันที่ 15 ม.ค.64
โดยนายจ้างมีสิทธิ์ที่จะโยกย้ายพนักงานที่ไม่ฉีดวัคซีนไปทำงานที่ทำได้จากบ้าน หรือให้พักงานโดยไม่จ่ายค่าจ้าง หรือ ‘ทางเลือกสุดท้าย’ คือให้ออกจากงาน หากพวกเขาไม่สามารถที่จะทำงานโดยไม่เข้าออฟฟิศได้
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนด้วยเหตุผลทางการแพทย์ จะยังคงได้รับอนุญาตให้อยู่ในสำนักงานได้ เเต่นายจ้างควรพิจารณาอนุญาตให้พวกเขาทำงานจากที่บ้านหากสามารถทำได้ และไม่ควรมีผลต่อการประเมินประสิทธิภาพการทำงานของพวกเขาด้วย
สิงคโปร์ เป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนสูงที่สุดในโลกที่ 87% ของประชากรทั้งหมด และได้ใช้แนวทางปฏิบัติที่เข้มงวดกับผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน
โดยมีการห้ามไม่ให้เข้าใช้บริการในร้านอาหาร หรือเข้าไปซื้อของในห้างสรรพสินค้า เพื่อป้องกันความเสี่ยงการแพร่ระบาด ที่จะส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณสุขของประเทศ เเละใช้นโยบาย ‘อยู่ร่วมกับโควิด’ เปิดให้ผู้คนใช้ชีวิตตามเป็นปกติแบบค่อยเป็นค่อยไป
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลสิงคโปร์ ออกกฎเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาลกับผู้ป่วยโควิด-19 ที่เลือกไม่ฉีดวัคซีน หลังยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่กลับมาพุ่งสูง ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มที่ยังไม่ฉีดวัคซีน
ด้านเอกชนสหรัฐฯ ก็มีความเคลื่อนไหวที่เข้มงวดมากขึ้น อย่าง Citigroup สถาบันการเงินรายใหญ่ของโลก ที่ประกาศใช้มาตรการเข้มงวด ‘no-jab , no job’ เลิกจ้างพนักงานที่ไม่ยอมฉีดวัคซีนโควิด ตามนโยบายของรัฐบาลที่กำหนดให้พนักงานทุกคนที่ทำงานภายใต้โครงการที่มีการทำสัญญากับรัฐ จะต้องฉีดวัคซีนโควิดให้ครบโดส ท่ามกลางความเสี่ยงของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว
- Citigroup ใช้ไม้เเข็ง ‘no-jab , no job’ เลิกจ้างพนักงานที่ไม่ยอมฉีดวัคซีนโควิด
- ‘Google’ ออกกฎใหม่สั่ง ‘พักงาน’ หรือ ‘ไล่ออก’ หากพนักงานไม่ฉีดวัคซีนโควิด
- “Intel” ออกกฎพนักงาน “ไม่ฉีดวัคซีน” จะถูก “พักงาน” โดยไม่ได้รับเงินเดือน
ที่มา : Bloomberg