วิเคราะห์สาเหตุหุ้น ‘Facebook’ ร่วงกว่า 20% ที่มากกว่าแค่ ‘ผู้ใช้ลดลง’ ในรอบ 17 ปี

ช่วงนี้เหล่า Big Tech ออกมารายงานผลประกอบการรัว ๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็มีทิศทางที่สดใส แต่ไม่ใช่กับ Meta หรือ Facebook ที่แม้ผลประกอบการจะยังเติบโต แต่จำนวนผู้ใช้กลับไม่โตตามที่หวัง ทำหุ้นร่วงกว่า 20% มูลค่าบริษัทหายถึง 2 แสนล้านเหรียญหรือราว 6 ล้านล้านบาทเลยทีเดียว และภาพรวมทั้งปีหุ้นของบริษัทร่วงแล้ว 4% แต่ไม่ใช่แค่เพราะจำนวนผู้ใช้ที่ลดลงจนทำให้นักลงทุนไม่เชื่อมั่น แต่ยังมีเหตุผลอะไรอีกบ้างไปดูกัน

สัญญาณผู้ใช้อิ่มตัว

แม้ในไตรมาส 3 จำนวนผู้ใช้งานต่อวัน (Daily Active Users) จะเพิ่มขึ้น 22 ล้านบัญชี ส่วนยอดผู้ใช้งานต่อเดือน (Monthly Active Users) เพิ่มขึ้น 15 ล้านบัญชี แต่ในไตรมาส 4 จำนวนผู้ใช้กลับไม่เติบโตขึ้นเลย โดยผู้ใช้รายวันลดลงจาก 1.93 พันล้านบัญชี ลดลงเหลือ 1.929 พันล้านบัญชี ส่วนผู้ใช้งานรายเดือนทรงตัวอยู่ที่ 2.91 พันล้านบัญชี

จำนวนผู้ใช้ที่ลดลงนั้นมาจาก ตลาดอเมริกาเหนือ จากที่เคยมี 196 ล้านบัญชี เหลือ 195 ล้านบัญชี แม้จะดูเล็กน้อยเมื่อเทียบจำนวนผู้ใช้ระดับพันล้าน แต่ตลาดดังกล่าวถือว่าเป็นตลาดที่ทำเงินได้สูงสุดของ Facebook ซึ่งจำนวนผู้ใช้ที่ลดลงก็แสดงให้เห็นถึง ‘จุดอิ่มตัว’ ของแพลตฟอร์ม

โจทย์ใหญ่ของ Facebook ตอนนี้หากจะเพิ่มการใช้งานของผู้ใช้ ทางออกเดียวก็คือการมัดใจ ‘วัยรุ่น’ เพราะหากจะขยายตลาดก็ไม่มีที่แล้ว (เหลือแค่จีน) ซึ่งจากการสำรวจล่าสุดช่วงเดือนตุลาคม 2021 ที่เผยแพร่โดย Piper Sandler พบว่า กลุ่มวัยรุ่นใช้ Facebook น้อยที่สุดเมื่อเทียบกับโซเชียลมีเดียอื่น ๆ โดยจากการสำรวจพบว่าวัยรุ่นเพียง 27% ใช้ Facebook ขณะที่ผู้ใช้กว่า 71% เป็นกลุ่ม Baby Boomers ซึ่งมีอายุมากกว่า 54 ปี

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังมองว่า เทรนด์ของโลกกำลังสวนทางจากจุดแข็งของแพลตฟอร์มที่เน้นพื้นที่สาธารณะและการแสดงเนื้อหาในวงกว้าง เนื่องจากการบริโภคเนื้อหาเปลี่ยนเน้นความเป็นส่วนตัวมากขึ้น เริ่มแชร์สิ่งต่าง ๆ สู่สาธารณะน้อยลง ซึ่งอาจส่งผลระยะยาวในอนาคต

Reels ไม่ทำรายได้ iOS ทำพิษ

ในส่วนของผลประกอบการ Facebook สามารถทำรายได้ถึง 33,670 ล้านเหรียญสหรัฐ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 33,400 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยบริษัทมีกำไรสุทธิ 10,300 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่รายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้ (ARPU) อยู่ที่ 11.57 เหรียญสหรัฐ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 11.38 เหรียญสหรัฐ

แม้ผลประกอบการจะดูสดใส แต่บริษัทกลับออกมาคาดว่ารายได้ในไตรมาสแรกของปี 2022 ว่าจะมีการเติบโตเหลือเพียง 3-11% เพราะจำนวนผู้ใช้ที่ทรงตัวส่งผลกระทบต่อยอดว่าที่น่าจะไม่เติบโตแล้ว นโยบายความเป็นส่วนตัวของ iOS 15 หรือฟีเจอร์ที่ให้ผู้ใช้สามารถปิดการติดตามของแอปต่าง ๆ ได้ ก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ของแพลตฟอร์มเช่นกันเพราะแปลว่าจะ ลดประสิทธิภาพการเข้าถึงของโฆษณา

ด้วยจำนวนผู้ใช้งาน iOS 15 ที่ครอบคลุมถึง 72% ของผู้ใช้ iPhone ทำให้ Dave Wehner CFO ของ Meta ออกมายอมรับว่า ผลกระทบของ iOS โดยรวมเป็นอุปสรรคต่อธุรกิจในปี 2022 และอาจทำให้สูญเสียรายได้ทั้งปีถึง 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 3 แสนล้านบาท เลยทีเดียว

นอกจากปัญหาของ iOS แล้ว ฟีเจอร์ใหม่อย่าง Reels ที่จะเอามาชนกับ TikTok ก็ยังไม่ทำเงินอย่างที่คาด โดยรายได้หลักยังมาจากฟีเจอร์ ฟีดข่าว และ Story ซึ่งกลายเป็นว่าฟีเจอร์ที่ไม่ทำเงินยังมาแย่งเวลาของฟีเจอร์ที่ทำเงินอีก ซึ่งยังไม่รวมการแข่งขันจากแพลตฟอร์มอื่น ๆ ที่มาแย่งเวลาไปอีก และนอกจากนี้ ปัญหาทางด้านเศรษฐกิจทั้งเงินเฟ้อ และซัพพลายเชน ก็ยังส่งผลต่อการใช้งบโฆษณาของแบรนด์อีกด้วย

Metaverse ลงทุนมหาศาล

เมื่อธุรกิจโฆษณาคิดเป็น 99.5% ของรายได้ทั้งหมดของบริษัทซึ่งกำลังเจอปัญหาถาโถม ในส่วนธุรกิจของ Reality Labs ที่ผลิตแว่น VR, AR รวมไปถึงการพัฒนา Metaverse ซึ่งบริษัทได้วางไว้ว่า โลกเสมือนจะกลายอนาคตของธุรกิจ ในไตรมาสสี่ก็ยัง ทำรายได้น้อยกว่าเงินลงทุน ที่มหาศาลมาก

โดยไตรมาส 4 ที่ผ่านมากลุ่ม Reality Labs สามารถทำรายได้ 877 ล้านดอลลาร์ แต่ ขาดทุนจากการดำเนินงานถึง 3.3 พันล้านดอลลาร์ และหากย้อนดูรายได้จากส่วนนี้ แม้จะเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ขาดทุนหนักเช่นกัน

  • ปี 2019 มีรายได้ 501 ล้านดอลลาร์ ขาดทุน 5 พันล้านดอลลาร์
  • ปี 2020 มีรายได้ 1.4 พันล้านดอลลาร์ ขาดทุน 6.62 พันล้านดอลลาร์
  • ปี 2021 มีรายได้ 2.7 พันล้านดอลลาร์ ขาดทุน 1 หมื่นล้านดอลลาร์

นักวิเคราะห์มองว่าไม่ใช่แค่การลงทุนที่สูงแพงในการปั้น Metaverse แต่อาจต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะได้ผล และไม่รู้ว่ามันจะ ‘เวิร์ก’ จริงไหม ซึ่งตรงกันข้ามกับยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Apple, Amazon และ Google ที่มีรายได้มหาศาลจากธุรกิจใหม่ ๆ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

และหากเทียบกับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำแล้ว Facebook ถือว่าทำผลงานได้น่าผิดหวัง โดยหุ้นของ Alphabet บริษัทแม่ของ Google ก็สามารถเติบโตได้ 8% เนื่องจากผลประกอบการเติบโต 33% ส่วน Apple และ Microsoft ก็ยังได้เพิ่มประมาณการกำไรและรายได้ โดยสรุปภาพทั้งปีหุ้นของ Facebook ลดลงประมาณ 4%

ก็รอดูว่า Facebook จะมีอะไรใหม่ ๆ มาแก้ปัญหาผู้ใช้ที่ตกต่ำ รวมถึงสร้าง Metaverse ให้เห็นเป็นรูปเป็นร่างได้เร็วแค่ไหน

CNBC / CNBC / CNN / theverge