ตอนนี้รถยนต์ไฟฟ้า หรือ รถอีวี กลายเป็นอนาคตใหม่ของตลาดยานยนต์ไปแล้ว และทาง ฮอนด้า (Honda) หนึ่งในบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของโลกก็ประกาศ ‘ปิดโรงงานแม่’ ในญี่ปุ่น พร้อมปรับลดกำลังการผลิตรถยนต์ในประเทศลงเหลือเพียง 800,000 คัน/ปี หรือลดลงประมาณ 40% เมื่อเทียบกับจำนวนสูงสุดในปี 2545 เพื่อปรับโครงสร้างบริษัทพร้อมมุ่งสู่รถยนต์ไฟฟ้า
ฮอนด้า ได้ปิดโรงงานผลิตรถยนต์ที่มีอายุกว่า 58 ปี ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองซายามะ จังหวัดไซตามะ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของโตเกียวเมื่อปลายปีที่แล้ว โดยโรงงานดังกล่าวถือเป็น 1 ใน 3 โรงงานผลิตรถยนต์ของบริษัทในญี่ปุ่น และถือเป็นโรงงานแม่ที่สามารถผลิตรถได้กว่า 2.5 แสนคัน/ปี นอกจากนี้ฮอนด้ายังได้ประกาศการลดต้นทุนอื่น ๆ ในปีที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการยกเลิกการแข่งขันรถยนต์ฟอร์มูล่าวัน เป็นต้น
สาเหตุที่บริษัทต้องปิดโรงงานลงเพราะนโยบายในอนาคตที่จะมุ่งสู่รถยนต์ไฟฟ้า โดยบริษัทได้ประกาศเมื่อช่วงเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมาว่า รถยนต์ของฮอนด้าทุกรุ่นจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าภายในปี 2583 อย่างไรก็ตาม โรงงานดังกล่าวจะยังไม่ปิดตัวโดยสมบูรณ์ แต่จะทำหน้าที่ผลิตชิ้นส่วนก่อนจะปิดถาวรภายใน 2-3 ปี สำหรับพนักงานที่เหลือจะถูกโอนย้ายไปที่โรงงานอื่น ๆ ของบริษัท
ก่อนหน้าที่ฮอนด้าจะตัดสินใจปิดโรงงานดังกล่าว บริษัทมีกำลังการผลิตรถยนต์ในประเทศประมาณ 1 ล้านคัน/ปี จากโรงงานทั้งหมด 3 แห่งในญี่ปุ่น โดยตั้งอยู่ในเมืองซายามะ, โยริอิ และซูซูกะ
ด้าน ‘โตโยต้า’ (Toyota Motor) ค่ายรถยนต์อันดับ 1 ของโลกยังไม่มีแผนที่จะลดกำลังการผลิตในญี่ปุ่น ในเร็ว ๆ นี้ โดยยังคงตรึงกำลังการผลิตในประเทศที่ 3 ล้านคัน/ปี ส่วนด้าน ‘นิสสัน’ (Nissan Motor) ในญี่ปุ่นยังคงอยู่ที่ 1.34 ล้านคัน/ปี ตามข้อมูลของ Fourin บริษัทวิจัยที่เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมยานยนต์
สาเหตุที่กำลังผลิตรถยนต์ของฮอนด้ามีน้อยกว่าอีก 2 แบรนด์ เป็นเพราะฮอนด้ามีส่วนแบ่งยอดขายภายในประเทศน้อยกว่าเมื่อเทียบกับคู่แข่ง โดยในปีงบประมาณ 2561 ฮอนด้าขายรถยนต์ได้ 740,000 คันในญี่ปุ่น หรือ 14% ของยอดขายทั่วโลก ขณะที่โตโยต้าขายได้ 2.29 ล้านคัน คิดเป็น 22% ของยอดรวมทั่วโลก
ขณะที่ตลาดต่างประเทศ ฮอนด้าสามารถทำยอดขายได้ดีกว่า อย่างในตลาดสหรัฐฯ ฮอนด้ามียอดขายถึง 1.61 ล้านคัน หรือ 30% ของยอดขายโดยรวม และ 1.46 ล้านคันในจีน หรือ 28% ทำให้ฮอนด้าจึงเน้นไปที่การผลิตในต่างประเทศมากกว่า
ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่า กำลังการผลิตของฮอนด้าทั่วโลกสิ้นสุด ณ ปีงบประมาณ (เดือนมีนาคม) จะเหลือ 5.14 ล้านคัน ลดลงจาก 5.59 ล้านคันในปีก่อนหน้า