เปิดไอเดีย “สเวนเซ่นส์ พิษณุโลก” โมเดล Regional Flagship Store สาขาใหญ่ที่สุด

สเวนเซ่นส์เดินหน้าขยายสาขาในรูปแบบใหม่ๆ หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญคือโมเดล Regional Flagship Store หรือเป็นสาขาสแตนด์อโลน และมีการตกแต่งในสไตล์ท้องถิ่นแต่ละจังหวัด ล่าสุดบุกจังหวัดพิษณุโลก ด้วยดีไซน์ดึงจุดเด่นของแม่น้ำ 2 สาย เรือนแพ และก๋วยเตี๋ยวห้อยขามาใส่เป็นกิมมิก

Regional Flagship Store สาขาใหญ่ที่สุด

ร้านอาหารไม่จำเป็นจะต้องมีสาขาเพียงแค่ในศูนย์การค้าอย่างเดียวอีกต่อไป การออกมาเติบโตนอกห้างฯ ถือเป็นเทรนด์ที่สำคัญในยุค COVID-19 ถ้าได้โลเคชั่นที่ตอบโจทย์ ก็สามารถดึงดูดลูกค้าได้มากมายมหาศาลเลยทีเดียว

สเวนเซ่นส์ ร้านไอศกรีมในเครือไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป ได้เดินเกมด้วยกลยุทธ์ Regional Flagship Store มา 4 ปีแล้ว เป็นสาขาในรูปแบบสแตนด์อโลนอยู่นอกศูนย์การค้า จุดเด่นที่สำคัญเป็นการออกแบบให้เข้ากับวัฒนธรรมท้องถิ่นในจังหวัดนั้นๆ เปิดสาขาแรกที่ ภูเก็ตทาวน์ มีการตกแต่งร้านสไตล์ชิโนโคโลเนียลตามแบบฉบับของชาวภูเก็ต 

หลังจากที่ผลตอบรับค่อนข้างดี จึงเปิดสาขาที่กาดน่าน .น่าน เป็นแห่งที่ 2 เมื่อเดือนสิงหาคม 2563 มีการตกแต่งสไตล์ไทลื้อ ตามมาด้วยสาขาที่จ.ยะลา เป็นแห่งที่ 3 

ล่าสุดกับการเปิด Regional Flagship Store สาขาที่ 4 ที่จ.พิษณุโลก อยู่ในโครงการคอมมูนิตี้มอลล์ The Palais เริ่มเปิดแบบ Soft Opening ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หลังจากนั้นจะเปิดให้บริการแบบ Grand Opening ในเดือนเมษายน

สาขาที่พิษณุโลกนี้มีพื้นที่ 400 ตารางเมตร 2 ชั้น มีที่นั่ง 120 ที่นั่ง ถือว่าเป็นสาขา Regional Flagship Store ที่ใหญ่ที่สุด สาขาก่อนหน้านี้มีพื้นที่เฉลี่ย 200-250 ตารางเมตร ที่นี่ตั้งอยู่ในโลเคชั่นถนนเส้นหลักของจังหวัด เปรียบเสมือนทองหล่อ ในพิษณุโลก ในละแวกนั้นมีสถานบันเทิง และสถานที่แฮงเอาต์ในยามค่ำคืนอยู่เยอะ ทำให้มีเด็กวัยรุ่น คนรุ่นใหม่ค่อนข้างมาก 

อนุพนธ์ นิธิยานันท์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท สเวนเซ่นส์ (ไทย) จำกัด เริ่มเล่าว่า

ทางสเวนเซ่นส์ได้ยึดกลยุทธ์ Regional Flagship Store เป็นสาขาที่เป็นสแตนด์อโลนอยู่นอกห้างฯ มีพื้นที่ใหญ่ ผสมกับวัฒนธรรมท้องถิ่น ก่อนหน้านี้เรามีที่ภูเก็ต น่าน และยะลามีคอนเซ็ปต์ชัดเจน จึงสนใจพิษณุโลกอยู่ในโซนเหนือตอนล่าง มีเอกลักษณ์ชัดเจนเช่นกัน

ก่อนหน้านี้ที่พิษณุโลกมีสเวนเซ่น 3 สาขา ตั้งอยู่ในบิ๊กซี, โลตัส และเซ็นทรัล พิษณุโลก แต่ละที่จะมีกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกันชัดเจน อย่างที่สาขาใหม่นี้จะจับกลุ่มครอบครัว วัยรุ่น คนรุ่นใหม่ นักเรียน นักศึกษา มีกลุ่มลูกค้าที่กว้างมาก 

สำหรับการพัฒนาสาขานี้ ใช้เวลาทั้งหมด 1 ปี และใช้เวลาก่อนสร้าง 1 ปี ใช้งบลงทุนรวม 20 ล้านบาท แต่ถ้างบลงทุนทั้งโครงการ 100 ล้านบาท ที่สาขานี้จะบริหารโดยแฟรนไชส์ ผู้ประกอบการเป็นนักธุรกิจท้องถิ่นในพิษณุโลก ทำโครงการอสังหาริมทรัพย์มากมายในจังหวัด เป็นตัวแทนจำหน่ายของ SCG รวมถึงยังทำธุรกิจอื่นๆ อีกมากมายทั้งคาเฟ่ ตลาดนัด สวนสาธารณะ

ใส่กิมมิกไอศกรีมห้อยขา

จุดเด่นที่สำคัญของ Regional Flagship Store ที่โดดเด่นจนต้องเป็นจุดเช็กอิน หรือเดสติเนชั่นที่หลายคนต้องมาเยือน อยู่ที่ดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว การดึงเอาจุดเด่น หรือวัฒนธรรมของจังหวัดใส่ลงไป 

อย่างที่ภูเก็ตมีการดีไซน์ด้วยสไตล์ชิโนโคโลเนียล ส่วนกาดน่านจะเป็นสไตล์ไทลื้อ พร้อมกับมีจิตรกรรมภาพกระซิบรักปู่ม่านย่าม่าน เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของสาขานี้ 

สำหรับสาขาพิษณุโลก การดีไซน์จึงมีแรงบันดาลใจจากคำขวัญประจำจังหวัดพระพุทธชินราชงามเลิศ ถิ่นกำเนิดพระนเรศวร สองฝั่งน่านล้วนเรือนแพ หวานฉ่ำแท้กล้วยตาก ถ้ำและน้ำตกหลากตระการตาคีย์เวิร์ดที่สำคัญก็คือ เรือนแพ แม่น้ำสองสี กล้วยตาก และก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ที่เป็นอาหารขึ้นชื่อลือชา

ไอเดียการออกแบบร้านจึงเน้นโทนสีน้ำตาล ดึงเอาเรือนแพที่เคยเห็นในอดีตกลับมาอีกครั้ง โดยมีกิมมิกเล็กๆ ที่มีเรือนแพสะท้อนน้ำ ด้านหน้าล้อมด้วยน้ำที่ตกแต่งด้วยหิน 2 สี ก็คือ สีน้ำตาล และสีฟ้า เปรียบเสมือนแม่น้ำ 2 สาย แม่น้ำแควน้อย และแม่น้ำน่านมาบรรจบกันที่วัดเกาะแก้ว น้ำจากแม่น้ำน่านจะออกสีน้ำตาล ส่วนแม่น้ำแควน้อยจะออกสีฟ้า

ภายในยังคงดึงเอาวัฒนธรรมจากเรือมาใช้ อยู่ในรูปแบบของเก้าอี้นั่ง บนเพดานก็ยังมีการตกแต่งด้วยผ้าพริ้วเหมือนสายน้ำของแม่น้ำ 2 สายอีกเช่นกัน และที่สาขานี้จะมีห้องที่เป็นเอ็กซ์คลูซีฟจำนวน 6 ห้อง มีความเป็นส่วนตัว สามารถนั่งประชุมได้ เฉลิมฉลองได้ ในอนาคตถ้าผลตอบรับดีอาจจะเปิดให้จองเป็นเวลาๆ 

เมื่อสาขานี้เป็นโมเดลสแตนด์อโลน จึงมีเวลาเปิดทำการที่ยืดหยุ่น เปิดตั้งแต่ 9.00-24.00 . ด้วยพฤติกรรมคนต่างจังหวัดที่ชอบออกมาทานแต่เช้า แต่ก็ตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการมาทานตอนดึกๆ ด้วย พร้อมกับเตรียมมีเมนูเฉพาะที่นี่ที่มีส่วนประกอบจากกล้วยตาก

อีกทั้งยังมีมุมสำหรับห้อยขา กิมมิกไอศกรีมห้อยขามาจากก๋วยเตี๋ยวห้อยขาที่ยอดนิยมในจังหวัด

เตรียมผุดอีก 2 สาขา

สำหรับแผนการขยายสาขาในโมเดลนี้ อนุพนธ์บอกว่าปีนี้จะมีเพิ่มอีก 2 สาขา ดูในหลายโลเคชั่น เพราะโมเดลนี้ประสบความสำเร็จค่อนข้างดี มีทราฟฟิกผู้ใช้บริการมากกว่าร้านปกติที่อยู่ในศูนย์การค้าถึง 3 เท่า ยอดขายก็มากกว่า 3 เท่าเช่นกัน 

สาขาที่มีเวลาเปิดปิดตามห้างฯ จับกลุ่มคนที่ไปเดินห้างฯ พอร้านเป็นส่วนหนึ่งของห้างฯ ก็ยากที่จะทำให้โดดเด่น ยากที่จะบอกว่าทำไมต้องแวะมา Regional Flagship Store ทำให้รู้ว่าเป็นร้านนี้เดสติเนชั่นที่ต้องแวะ หาไม่ได้ที่อื่น โฟกัสลูกค้าคนในท้องที่ และนักท่องเที่ยวคนไทยด้วยกัน 

สำหรับในสาขาปกติ มีแผนที่จะเปิดอีก 20 สาขาในปีนี้ ในปี 2564 สเวนเซ่นส์มีสาขารวมทั้งหมด 305 สาขา ปัจจุบันมีสัดส่วนยอดขายจากนั่งทานในร้าน 70% เดลิเวอรี่ 15% และซื้อกลับบ้าน 15%

พิกัดร้าน สเวนเซ่นส์ Flagship The Palais ตรงข้ามกับตะวันแดง มหาชน