แก้โลกร้อน! NRF เตรียมตั้ง “โรงงานดักจับคาร์บอน” แก้ปัญหา “เผาทางการเกษตร” ภาคเหนือ

NRF โรงงานดักจับคาร์บอน
NRF บริษัทด้านอาหาร วางวิสัยทัศน์บริษัทกู้วิกฤตสภาวะอากาศ เล็งธุรกิจใหม่ที่จะช่วยแก้ปัญหา “เผาทางการเกษตร” ตั้ง “โรงงานดักจับคาร์บอน” รับซื้อซังข้าวโพดผลิตเป็นไบโอคาร์บอนจำหน่าย คาดเริ่มต้นได้ภายในปี 2566 ทางภาคเหนือของไทย ด้านธุรกิจ plant-based ไทย NRPT บริษัทร่วมกับ ปตท. จะเริ่มเปิดร้านค้าปลีก “Alt Eatery” แห่งแรก

NRF เป็นบริษัทที่มีพื้นฐานจากการผลิตและส่งออกเครื่องปรุง-อาหาร ก่อนที่เมื่อ 2-3 ปีก่อน บริษัทได้ยกระดับตนเองว่าจะเป็น “ฟู้ดเทค” ระดับโลก พร้อมกับการบุกเข้าตลาด plant-based เนื้อทำจากพืช แตกไลน์ธุรกิจอาหารแนวใหม่

มาถึงปี 2565 “แดน ปฐมวาณิชย์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) ประกาศเพิ่มวิสัยทัศน์ของบริษัทต้องการเป็น Global Clean Food Tech Company ใช้เทคโนโลยีช่วยกระบวนการผลิตอาหารให้สะอาดต่อโลก แก้ปัญหาภาวะโลกร้อน (Climate Change)

“แดน ปฐมวาณิชย์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน)

แดนอธิบายว่า การแก้ภาวะโลกร้อนเป็นเรื่องเร่งด่วน เพราะนอกจากปัญหาทางตรงต่อสภาพอากาศซึ่งส่งผลกับทุกคนบนโลกแล้ว ในเชิงเศรษฐกิจประเทศ หากไทยไม่เร่งแก้ปัญหาลดการปล่อยคาร์บอนหรือก๊าซเรือนกระจก อนาคตจะถูกกีดกันทางการค้าจากประเทศผู้รับซื้อสินค้า เช่น สหภาพยุโรป (EU) อาจตั้งกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าที่ผลิตในไทยสูงถึง 40% เพราะถือเป็นประเทศก่อมลพิษ ซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องถึงการพิจารณาลงทุนตั้งฐานผลิตในไทยของบริษัทประเทศอื่นด้วย

ที่ผ่านมาบริษัทมีความพยายามให้กระบวนการผลิตทั้งสายของบริษัทมีการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ เช่น ติดตั้งโซลาร์รูฟ เพื่อใช้ไฟฟ้าพลังงานสะอาด แต่การใช้พลังงานสะอาดยังไม่พอ เพราะเป็นเพียงกิจกรรมที่ไม่ก่อให้เกิดคาร์บอน (Carbon Neutral) แต่ไม่สามารถลดคาร์บอนที่มีอยู่แล้วลงได้ (Carbon Negative)

แดนอธิบายโร้ดแมปการตั้งโรงงานดักจับคาร์บอน

เมื่อมองซัพพลายเชนการผลิตอาหารของไทย ต้นน้ำของอาหารมาจากการเกษตร และไทยมีปัญหาการ “เผาทางการเกษตร” อยู่ทุกปี ทำให้เกิดคาร์บอน ก่อมลพิษ ต้นเหตุของ PM2.5 โดยไทยมีการเผาทางการเกษตรเฉลี่ย 17 ล้านตันต่อปี (ทั้งนี้ แดนให้ข้อมูลด้วยว่า การเผาทางการเกษตรเกิดขึ้นทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แม้กระทั่งในสหรัฐอเมริกาด้วย)

ดังนั้น NRF ต้องการจะหยุดวงจรนี้ตามวิสัยทัศน์บริษัท โดยจะตั้ง “โรงงานดักจับคาร์บอน” ขึ้นมาในประเทศไทย

 

“โรงงานดักจับคาร์บอน” ผลผลิตนำไปใช้ทำอะไร?

แดนกล่าวต่อว่า โรงงานดักจับคาร์บอน จะนำของเหลือทางการเกษตรไปผ่านกระบวนการและออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ 3 อย่าง คือ 1.ไบโอคาร์บอน 2.น้ำมันชีวภาพ และ 3.ไฟฟ้าชีวมวล

“ไบโอคาร์บอน” มีประโยชน์ในการนำไปใช้เป็นวัตถุบำรุงดิน กลับคืนสู่ไร่นาของเกษตรกร เมื่อฝังลงในดินแล้วจะทำให้ดินอุ้มน้ำมากขึ้น 7-14% และลดการปล่อยก๊าซมีเทนในนาข้าวได้ 25% ส่วน “น้ำมันชีวภาพ” สามารถใช้ทดแทนยางมะตอยบนถนน และพัฒนาใช้ทดแทนน้ำมันเดินเรือได้

NRF คาร์บอน
NRF อธิบายผลประโยชน์จากไบโอคาร์บอนและน้ำมันชีวภาพ

แดนยอมรับว่าปัจจุบันผลิตภัณฑ์ทางตรงจากการดักจับคาร์บอน ยังต้องอาศัยเวลาเพื่อทำการตลาดในไทย แต่สิ่งที่จะสามารถขายหรือนำไปใช้ได้เลย ได้แก่ “คาร์บอนเครดิต” ขายให้กับบริษัทที่ต้องการนำไปชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดขึ้นในกระบวนการผลิตของบริษัทตนเอง และ “ไฟฟ้าชีวมวล” ที่ NRF มีแผนจะนำไปเชื่อมกับ “เหมืองขุดบิตคอยน์” แทนการใช้ไฟฟ้าปกติซึ่งไม่ใช่พลังงานสะอาด

 

เริ่มทางภาคเหนือ ภายในปี 2566

แผนการตั้งโรงงานดักจับคาร์บอน จะเริ่มในสหรัฐฯ ก่อน โดยใช้วิธีเข้าร่วมทุนกับบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีดักจับคาร์บอน แดนระบุว่า ขณะนี้คาดว่าจะดีลร่วมลงทุนในโรงงานขนาดเล็ก กำลังผลิตรับได้ 50 ตันต่อวัน

ส่วนในไทย คาดว่าจะเริ่มทางภาคเหนือที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์กันมาก และคาดว่าจะตั้งเป็นโรงงานลักษณะ Mobile Factory เพื่อให้เหมาะกับภูมิประเทศ การเคลื่อนย้ายโรงงานเข้าไปใกล้ไร่จะเหมาะกว่าการขนวัตถุดิบออกมา เบื้องต้นโรงงานเคลื่อนที่ได้นี้น่าจะมีขนาดราวตู้คอนเทนเนอร์ 20 ฟุต สามารถรับวัตถุดิบได้ 1 ตันต่อชั่วโมง และใช้เงินลงทุนราว 10 กว่าล้านบาทต่อตู้

“เรามีทีมลงพื้นที่คุยกับภาครัฐและเกษตรกรในพื้นที่ก่อนแล้ว ทราบว่าความกังวลของเกษตรกรคือมองว่าพวกเขาจะได้อะไร” แดนกล่าว

โมเดลธุรกิจตั้งต้นของ NRF น่าจะเป็นการจ้างเกษตรกรเพื่อนำซังข้าวโพดจากไร่ส่งโรงงาน ซึ่งจะทำให้เกษตรกรมีรายได้ ส่วนผลผลิตปลายทาง NRF จะหาทางบริหารจัดการต่ออีกครั้ง ในไทยมองว่าอาจจะยังไม่หวังกำไรในช่วงแรก ต้องการให้เป็นโมเดลเพื่อสังคมไปก่อน

 

plant-based ปีนี้เตรียมเปิดร้านค้าปลีกร่วม ปตท.

ด้านธุรกิจที่กำลังขยายตัวอย่าง plant-based ปีที่แล้ว NRF เริ่มเดินเครื่องโรงงานผลิตในอังกฤษแล้ว และมีการร่วมทุนกับ ปตท. ตั้ง บริษัท นิวทรา รีเจนเนอเรทีฟ จำกัด (NRPT) ขึ้น ซึ่งบริษัทนี้จะก่อตั้งโรงงาน plant-based ในไทยที่ จ.อยุธยา คาดเดินเครื่องได้ไตรมาส 2 ปี 2566 เฟสแรกกำลังผลิต 3,000 ตันต่อปี

แต่ก่อนที่โรงงานผลิตจะเดินเครื่อง NRPT จะเริ่มรุกตลาดค้าปลีก ด้วยการตั้งศูนย์รวม plant-based และอาหารที่ปราศจากเนื้อสัตว์ชื่อ “Alt Eatery” ขึ้นในซอยสุขุมวิท 51 ลักษณะเป็นทั้งร้านอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ต สามารถจัดอีเวนต์หรือคลาสทำอาหารได้

“มองระยะยาวต้องการให้ Alt Eatery ขยายเป็นเชนร้านค้า แต่ก็ต้องดูผลตอบรับสาขาแรกก่อน” แดนกล่าว

ตัวอย่างความร่วมมือปี 2564 บริษัทมีการส่ง plant-based ลาบทอดเข้าไปทดลองจำหน่ายผ่าน Texas Chicken ในเครือ ปตท.

นอกจากนี้ บริษัทจะผลิต plant-based ภายใต้เฮาส์แบรนด์ “Alt”  ส่งลงตลาดประเทศไทยด้วย จับกลุ่มทั้ง B2C และกลุ่ม B2B เข้าร้านอาหาร ฟู้ดเซอร์วิสต่างๆ

ขณะที่การตั้งโรงงาน plant-based อีกแห่งหนึ่งในสหรัฐฯ ซึ่งอยู่ในแผนมาตั้งแต่ 2 ปีก่อน แดนระบุว่ามีการเจรจาเข้าซื้อโรงงานแห่งหนึ่ง แต่ชะลอออกไปก่อนเนื่องจากไม่มั่นใจผลกระทบสงครามรัสเซีย-ยูเครน อาจต้องรอความชัดเจนของปัจจัยข้อนี้อีกสักพัก

ปัจจุบัน NRF ลงทุนในธุรกิจหลากหลาย ทั้งอาหาร-เครื่องปรุงรส (Ethnic Foods), plant-based, อาหารสัตว์เลี้ยง, กัญชง-กัญชา, บริษัทขายตรง, แบรนด์ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในสหรัฐฯ หลายยี่ห้อ รวมถึงมี Corporate Venture Capital ลงทุนในสตาร์ทอัพที่เกี่ยวข้องกับด้านอาหาร แต่ธุรกิจที่ยังเป็นหลักในพอร์ตขณะนี้คืออาหาร-เครื่องปรุงรส

รายได้ปี 2564 ของบริษัททำได้ที่ 2,100 ล้านบาท เติบโต 49% กำไรสุทธิ 221 ล้านบาท เติบโต 42% สำหรับปี 2565 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 50-70%