“จีน” เริ่มปฏิบัติการ “ล็อกดาวน์” ระลอกใหม่ หลังโอมิครอนพังกำแพง Zero-Covid สำเร็จ

Photo : Shutterstock
“จีน” เป็นหนึ่งในประเทศที่ยังยกการ์ดสูงตามนโยบาย Zero-Covid เคสผู้ติดเชื้อต้องเป็นศูนย์ แต่ล่าสุดเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนซึ่งแพร่ระบาดได้เร็ว ทำให้จีนมีเคสผู้ติดเชื้อภายในประเทศสูงที่สุดในรอบ 2 ปี รัฐบาลสั่ง “ล็อกดาวน์” หลายเมืองทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมถึง “เซี่ยงไฮ้” ซึ่งเป็นมหานครขนาดใหญ่

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม 2022 “จีน” รายงานพบผู้ติดเชื้อภายในประเทศเกือบ 3,400 ราย และจำนวนดังกล่าวพุ่งขึ้นเป็นเท่าตัวจากเมื่อวันเสาร์ ทำให้รัฐมีคำสั่งด่วน “ล็อกดาวน์” จุดพบเชื้อชุกชุมทันที เพื่อรับมือกับการระบาดที่หนักที่สุดในรอบ 2 ปีของประเทศ

เมืองใหญ่ที่สุดที่ถูกล็อกดาวน์ในรอบนี้คือ “เซี่ยงไฮ้” แต่ไม่ใช่การล็อกดาวน์แบบเข้มงวดสูงสุดที่ห้ามประชาชนออกนอกเคหสถาน ครั้งนี้เป็นการล็อกดาวน์ที่ผ่อนคลายลงมาบ้าง โดยมีการปิดทำการโรงเรียน ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร และธุรกิจบางประเภท เพื่อไม่ให้มีการใกล้ชิดกันของประชาชน

นอกจากนี้ยังพบการระบาดของเชื้อไวรัสทั้งสายพันธุ์โอมิครอนและเดลตารวม 19 พื้นที่ ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน เช่น เมืองฉางชุน-มณฑลจี้หลิน เขตอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศ, เมืองหยานจี๋-มณฑลจี้หลิน เมืองชายแดนติดต่อกับประเทศเกาหลีเหนือ

CHINA test covid-19
(Photo by STRINGER / AFP)

ที่ผ่านมา จีนดำเนินนโยบาย Zero-Covid มาโดยตลอด โดยมีการล็อกดาวน์อย่างรวดเร็ว เข้มงวด ห้ามการเดินทางข้ามเขต และมีการระดมปูพรมตรวจหาเชื้อทันทีที่เกิดคลัสเตอร์ระบาด

แต่เชื้อไวรัสโอมิครอนที่แพร่ระบาดได้ง่าย และทำให้เกิดเคสไม่แสดงอาการจำนวนมากขึ้น กลายเป็นความท้าทายของนโยบายนี้ เพราะจะทำให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปจัดการได้ช้าลง

รวมถึงการตั้งการ์ดสูงตลอดเวลาทำให้เจ้าหน้าที่เกิดความเหน็ดเหนื่อย จนเจ้าหน้าที่รัฐเองก็เริ่มร้องขอให้มีมาตรการที่ผ่อนคลายลง ขอให้การเข้าจัดการกักกันผู้ติดเชื้อตีวงให้แคบลง ตลอดจนนักเศรษฐศาสตร์ก็เริ่มเตือนรัฐบาลแล้วว่าการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดเกินไปกำลังทำร้ายเศรษฐกิจของประเทศ

ทั้งนี้ ตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นมา ดูเหมือนว่าจีนก็เริ่มปรับนโยบายล็อกดาวน์ให้ผ่อนคลายลงแล้ว ล่าสุดจีนยังเริ่มยอมรับการใช้งาน Antigen Test Kit (ATK) ด้วยตนเอง อนุญาตให้ซื้อได้ออนไลน์หรือผ่านร้านขายยาและคลินิกทั่วไป ทำให้ประชาชนหาซื้อมาทดสอบตนเองได้ ไม่ต้องไปต่อคิวตรวจที่โรงพยาบาลเท่านั้น ซึ่งความเคลื่อนไหวเหล่านี้ก็บ่งชี้ให้เห็นว่า จีนเริ่มยอมรับแล้วว่ามาตรการที่ใช้เจ้าหน้าที่รัฐควบคุมเท่านั้นไม่สามารถจะป้องกันเชื้อได้ทั้งหมด

เมื่อสัปดาห์ก่อน นักวิทยาศาสตร์ระดับสูงของจีนเริ่มออกให้ข้อมูลแล้วเช่นกันว่า ประเทศจีนควรจะเริ่มพัฒนามาตรการ “อยู่ร่วมกับไวรัส” เหมือนๆ กับประเทศอื่น เพราะโอมิครอนระบาดเร็วราวกับไฟป่าไปเรียบร้อยแล้ว

แต่ในกรณีนี้ดูเหมือนรัฐบาลจีนยังคงสร้างความชัดเจนอยู่ว่าการ “ล็อกดาวน์” จะยังเป็นตัวเลือกในการควบคุมการระบาดต่อไป

Source