หลังจากที่จำนวนผู้ใช้ลดลงครั้งแรกในรอบ 10 ปี ส่งผลให้หุ้นของ ‘เน็ตฟลิกซ์’ (Netflix) ก็ดิ่งลงมหาศาล ฉุดบริษัทให้อยู่ในนจุดต่ำสุดของดัชนี S&P 500 ส่งผลให้บริษัทต้องพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นการมองหาโมเดลการโฆษณา, พยายามอุดช่องว่างการแชร์บัญชีใช้งาน รวมไปถึงหั่นงบแผนก Animation ทิ้ง
หุ้นของ Netflix ยักษ์ใหญ่ด้านวิดีโอสตรีมมิ่งร่วงลง 64% ในปีนี้ หลังจากแนวโน้มจำนวนผู้ติดตามที่เริ่มลดลง โดยในไตรมาสแรกลดลง 2 แสนราย และมีการคาดการณ์ว่าในไตรมาส 2 จะลดลงถึง 2 ล้านราย ส่งผลให้หุ้นของบริษัทลดลง 35% ซึ่งเป็นการขาดทุนในหนึ่งวันที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2004 ทำมาร์เก็ตแคปหายเป็นมูลค่า 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐหรือกว่า 1.8 ล้านล้านบาท
สิ่งที่ Netflix จะทำเพื่อแก้ปัญหาก็คือ ทดลอง เก็บค่าบริการเพิ่ม กับผู้ใช้บัญชีที่ไม่ได้อยู่บ้านเดียวกัน ซึ่งคาดว่าจะเริ่มใช้ในปี 2023 อีกทั้งเริ่มพิจารณาโมเดล โฆษณา เพื่อลดค่าบริการให้ถูกลง แต่ไม่ใช่แค่นี้ เพราะ Netflix กำลังหั่นงบแผนก Animation โดยมีอนิเมชั่นหลายเรื่องที่ถูกพับไป อาทิ ซีรีส์อย่าง Boss Baby โปรเจกต์เช่น My Father’s Dragon และซีรีส์แอนิเมชั่นสำหรับผู้ใหญ่ที่ปรับปรุงใหม่ Big Mouth และ Human Resources รวมถึงการดัดแปลงหนังสือการ์ตูนชุด Bone ด้วย
นอกจากนี้ Phil Rynda ที่ดำรงตำแหน่ง Netflix’s Director of Creative Leadership and Development for Original Animation พร้อมกับทีมงานของเขาหลายคนได้ยืนยันแล้วว่า พวกเขาได้ลาออกจาก Netflix
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานว่า Netflix หั่นงบผลิตคอนเทนต์ส่วนอื่น ๆ หรือไม่ เพราะที่ผ่านมา Netflix ได้วางแผนที่จะทุ่มเงินกว่า 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือกว่า 5.8 แสนล้านบาท สำหรับผลิตออริจินอลคอนเทนต์ เพื่อแข่งขันกับคู่แข่งรายอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น Disney+, Amazon Prime เป็นต้น