“ญี่ปุ่น” มีอัตราเกิดลดลงครั้งใหญ่สุดรอบกว่า 100 ปี “อีลอน มัสก์” ทวิตฯ อีกหน่อยก็คงหายไป

Photo : Shutterstock
รอยเตอร์ รายงานว่า ในปี 2564 ญี่ปุ่นมีอัตราการเกิดต่ำที่สุดในรอบกว่าร้อยปี ตัวเลขดังกล่าวน่าจะทำให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการลดจำนวนประชากรอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นประเด็นที่มีมาช้านานในแวดวงนโยบายของประเทศ อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีและผู้บริหารระดับสูงของของเทสลา เพิ่งโพสต์ข้อความ Twitter เมื่อเดือนที่แล้วว่าญี่ปุ่นจะ “สิ้นการดำรงอยู่ในที่สุด” เว้นแต่ว่าแนวโน้มด้านประชากรศาสตร์จะเปลี่ยนไป

ประเทศญี่ปุ่นมีอัตราการเกิด 811,604 คน (อัตราการเกิดลดลง 3.5% จากปีก่อนหน้า) และเสียชีวิต 1,439,809 คนในปีที่แล้ว (2021) ซึ่งหมายความว่าประชากรลดลง 628,205 คน นับเป็นการลดลงตามธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่มีข้อมูลบันทึก

หลังจากญี่ปุ่นปิดด่านตรวจคนเข้าเมืองมาอย่างยาวนาน เล็งเปิดกว้างท่ามกลางปัญหาการขาดแคลนแรงงาน

เจ้าหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการบอกกับสำนักข่าว Jiji Press ว่าอัตราการเจริญพันธุ์ที่ลดลงในปีที่แล้วเป็นผลมาจากจำนวนผู้หญิงในวัยเจริญพันธุ์ที่ลดลง

ข้อมูลนี้เป็นข่าวร้ายสำหรับประชากรญี่ปุ่นที่กังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางสังคมของประชากรสูงอายุและการหดตัวของประเทศ ซึ่งเกือบ 30% ของประชากรมีอายุมากกว่า 65 ปี การลดลงของจำนวนประชากรในวัยทำงานจะมีส่วนทำให้เกิดการขาดแคลนแรงงาน หลังการระบาดของโคโรนาไวรัส ทำให้เกิดความกังวลว่ากำลังจะเกิดขึ้นวิกฤตแรงงานที่เลวร้าย

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าอัตราการเกิดที่ลดลงมาจากกลุ่มปัจจัยต่างๆ

Photo : Shutterstock

เจนนิเฟอร์ โรเบิร์ตสัน ศาสตราจารย์กิตติคุณด้านมานุษยวิทยาและประวัติศาสตร์ศิลปะแห่งมหาวิทยาลัยมิชิแกน กล่าวว่า “มันไม่เกี่ยวกับการไม่มีเพศสัมพันธ์ โครงสร้างพื้นฐานทั้งหมดนี้เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่นำไปสู่การใช้ชีวิต”

ผู้ชายพยายามดิ้นรนเพื่อให้ได้งานที่ดี ทำให้พวกเขาไม่คิดแต่งงาน และคนญี่ปุ่นไม่ค่อยยอมรับการมีลูกนอกสมรสด้วย อาซาฮี ชิมบุน หนังสือพิมพ์ชั้นนำของญี่ปุ่นเปิดเผยว่า จำนวนการแต่งงานลดลงเป็นปีที่สองติดต่อกันในปี พ.ศ. 2564 เหลือ 501,116 คู่

ในขณะเดียวกัน สัดส่วนของผู้หญิงที่ได้รับการศึกษาระดับอุดมศึกษาเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา ในสังคมที่ผู้หญิงยังคงถูกคาดหวังให้ใช้แรงงานทำงานบ้านมากกว่าคู่ครองชายอย่างมีนัยสำคัญ ผู้หญิงจำนวนมากเลือกที่จะครองความโสด ไม่อยากเข้าวงจรความเป็นแม่/แม่บ้าน เพื่อมุ่งเน้นไปที่อาชีพการงานของตนแทน

“ประเทศญี่ปุ่นนี้อนุรักษ์นิยมอย่างมาก และต้องการอนุรักษ์ไม่ให้มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง พวกเขาจะต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายมหาศาลในการดูแลประชากรสูงอายุ”

อาซาฮีรายงานว่า โตเกียวมีอัตราการเจริญพันธุ์ต่ำที่สุดที่ 1.08 ขณะที่ตัวเลขเฉลี่ยล่าสุดทั่วประเทศต่ำกว่าอัตราเป้าหมายของรัฐบาลที่ 1.8 ตรงข้ามกับจำนวนผู้เสียชีวิตในปี 2564 นั้นสูงที่สุดในประเทศนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 โดยที่โรคมะเร็งเป็นสาเหตุสำคัญ

Photo : Shutterstock

แต่ญี่ปุ่นไม่ใช่ประเทศเดียวในเอเชียตะวันออกที่ภาวะเจริญพันธุ์ลดลง ประเทศจีนเปิดเผยผลการสำรวจสำมะโนประชากรเมื่อปีที่แล้ว ก็แสดงให้เห็นว่าแม้จำนวนประชากรของประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่เพิ่มเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ในปี 2020 อัตราการเจริญพันธุ์ในฮ่องกง สิงคโปร์ เกาหลีใต้ และไต้หวันต่ำกว่าญี่ปุ่น ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากแนวโน้มในประเทศที่ร่ำรวยในเอเชียตะวันออกของผู้คนที่เลื่อนการแต่งงานออกไปและไม่ค่อยมีลูกนอกสมรส การศึกษาของลูก ๆ ยังเป็นภาระมีต้นทุนในประเทศเหล่านี้ นอกจากนี้ ยังเป็นเรื่องยากสำหรับคนหนุ่มสาวทั่วทั้งภูมิภาคที่จะซื้อบ้านเรือนหอ

ในช่วงไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา รัฐบาลญี่ปุ่นได้ออกนโยบายเพื่อจูงใจให้ผู้คนมีบุตรเพิ่มขึ้น ซึ่งรวมถึงสิ่งจูงใจด้านเงินสดและเด็กก่อนวัยเรียนฟรี โดยมีผลที่หลากหลาย

อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีและผู้บริหารระดับสูงของของเทสลา เพิ่งโพสต์ข้อความ Twitter เมื่อเดือนที่แล้วว่าญี่ปุ่นจะ “สิ้นการดำรงอยู่ในที่สุด” เว้นแต่ว่าแนวโน้มด้านประชากรศาสตร์จะเปลี่ยนไป

นักวิจารณ์แย้งว่า ญี่ปุ่นไม่ได้เสี่ยงต่อการสูญหาย แต่อนาคตขึ้นอยู่กับการย้ายถิ่นฐานพลเมือง

Photo : Shutterstock

ความวิตกกังวลด้านประชากรศาสตร์ได้กระตุ้นให้มีการพิจารณานโยบายการย้ายถิ่นฐานของประเทศอีกครั้ง ถือเป็นหนึ่งในนโยบายที่เข้มงวดที่สุดในบรรดาประเทศอุตสาหกรรม ประเทศญี่ปุ่นไม่ค่อยให้สถานะผู้ลี้ภัย แรงงานต่างด้าว เช่น คนเวียดนามที่เป็นพนักงานร้านอาหารของญี่ปุ่น สามารถอยู่ในประเทศได้เพียงห้าปีและไม่สามารถพาครอบครัวเข้ามาในประเทศได้

การย้ายถิ่นฐานเป็นข้อห้ามทางการเมืองมานานหลายทศวรรษ โดยฝ่ายขวาของญี่ปุ่นกังวลว่าการไหลเข้าของชาวต่างชาติจะทำให้ความบริสุทธิ์ทางชาติพันธุ์และวัฒนธรรมของประเทศเจือจางลง

รัฐบาลญี่ปุ่นได้ผ่อนคลายข้อจำกัด คนงานก่อสร้างจากประเทศจีนในเดือนเมษายนกลายเป็นแรงงานต่างชาติคนแรกที่ได้รับการยอมรับภายใต้ระบบวีซ่า “ทักษะเฉพาะ” ที่กำหนดขึ้นใหม่ในปี 2019 ซึ่งหมายความว่าภรรยาและลูกชายของเขาสามารถมาอาศัยอยู่กับเขาในญี่ปุ่นได้

ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่รัฐฯ ระบุว่า รัฐบาลมีแผนที่จะผ่อนคลายกฎเกณฑ์ไปยังภาคส่วนอื่นๆ ที่ขาดแคลน นอกเหนือจากการก่อสร้างและการต่อเรือ

Source