Kellogg ผู้ผลิตขนมขบเคี้ยว รวมถึงซีเรียล ได้ประกาศแยกบริษัทออกมาเป็น 3 บริษัทใหม่ หลังจากที่เทรนด์ของผู้บริโภคได้เปลี่ยนไป นอกจากนี้บริษัทยังชี้ว่าการแยกธุรกิจออกมาทำให้แต่ละบริษัทสามารถจัดสรรทรัพยากรให้ตรงกับเป้าหมายของแต่ละบริษัท ส่งผลดีต่อผู้ถือหุ้นของบริษัทในระยะยาว
ซึ่งการแยกธุรกิจออกมาเป็น 3 บริษัทของ Kellogg ตามหลังบริษัทในสหรัฐฯ อย่างเช่น GE ที่มีการแยกธุรกิจออกมาเป็น 3 บริษัทใหม่ หรือแม้แต่ Johnson & Johnson ก็ตัดสินใจในการแยกธุรกิจออกมาเป็นบริษัทใหม่เช่นกัน
รายละเอียดสำหรับธุรกิจที่จะแยกออกมาเป็นบริษัทใหม่ ประกอบไปด้วย
1. ธุรกิจนอกสหรัฐอเมริกา โดยธุรกิจดังกล่าวจะรวมพอร์ตโฟลิโอสินค้าที่ขายในต่างประเทศทั้งหมดของ Kellogg ในปี 2021 ที่ผ่านมาธุรกิจดังกล่าวมียอดขายมากถึง 11,400 ล้านเหรียญสหรัฐ ปัจจุบันก่อนจะมีประกาศการแยกธุรกิจออกมายอดขายของส่วนธุรกิจนี้คิดเป็นสัดส่วนมากถึง 80% ของรายได้รวมของ Kellogg
2. ธุรกิจซีเรียลในอเมริกาเหนือ โดยบริษัทใหม่นี้จะเน้นธุรกิจซีเรียลพร้อมทานเป็นหลัก นำโดยแบรนด์ดังอย่าง Kellogg’s และ Frosted Flakes หรือแม้แต่ Corn Flakes ที่ขายอยู่ในสหรัฐอเมริกา แคนาดา รวมถึงแคริบเบียน มาตั้งเป็นบริษัทใหม่ ในปี 2021 ที่ผ่านมาธุรกิจนี้มียอดขายมากถึง 2,400 ล้านเหรียญสหรัฐ
3. ธุรกิจอาหารที่ทำจากพืช ธุรกิจดังกล่าวจะเน้นทำธุรกิจในสหรัฐอเมริกา แคนาดา รวมถึงแคริบเบียน โดยมีแบรนด์ MorningStar Farms ที่เน้นอาหารที่ทำจากพืช (Plant-based Food) ในปี 2021 ที่ผ่านมามียอดขายอยู่ที่ราวๆ 340 ล้านเหรียญสหรัฐ
การแยกบริษัทครั้งนี้เป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้ผู้บริโภคต้องการอาหารสำเร็จรูป รวมถึงขนมขบเคี้ยว ขณะเดียวกันอาหารที่ทำจากพืชเองก็ได้รับความนิยมที่เพิ่มมากขึ้นจากเทรนด์ของผู้บริโภค
Steve Cahillane ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Kellogg กล่าวในแถลงการณ์ว่า “ธุรกิจเหล่านี้ล้วนมีศักยภาพถ้าหากเป็นบริษัทใหม่ที่ตั้งขึ้นมา และจะยังทำให้สามารถนำทรัพยากรไปใช้ในแต่ละบริษัทได้ตามเป้าหมายรวมถึงกลยุทธ์ที่แตกต่างกันได้”
คาดว่าธุรกิจที่จะแยกออกมาเป็นบริษัทใหม่บริษัทแรกก็คือธุรกิจซีเรียลในอเมริกาเหนือ จากนั้นธุรกิจอาหารที่ทำจากพืชจึงจะมีการแยกบริษัทออกมา โดยคาดว่าจะแยกธุรกิจออกมาเป็นบริษัทใหม่สำเร็จภายในปี 2023
นักวิเคราะห์คาดว่าการแยกบริษัทออกมาใหม่ โดยเฉพาะธุรกิจนอกสหรัฐอเมริกาที่เน้นขนมขบเคี้ยว จะทำให้บริษัทสามารถต่อสู้กับคู่แข่งอย่าง Mondelez หรือแม้แต่ธุรกิจขนมขบเคี้ยวอย่าง Frito-Lay ซึ่งเป็นธุรกิจลูกของ PepsiCo ได้สูสีมากขึ้น